เจอร์เก้นคล็อปป์ : ชั่วโมงนี้ แมนซิตี้ เก่งที่สุดในโลกแล้ว

เจอร์เก้นคล็อปป์ กุนซือใหญ่ลิเวอร์พูล ออกมาแสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่า สำหรับเขาแล้วชั่วโมงนี้ต้องยกให้ แมนซิตี้ เป็นทีมที่เก่งที่สุดในโลก เพราะเมื่อดูจากผลงานที่กำลังมีลุ้นคว้า 4 แชมป์ แล้วก็ต้องเป็นแบบนั้น จากรายงานของ theguardian.com เมื่อ 5 เมษายน 2562

สำหรับ แมนซิตี้ ชั่วโมงนี้ ต้องถือว่ากำลังมาดีแบบสุด ๆ เพราะว่ากำลังมีลุ้นทำสถิติกวาดเรียบทั้ง 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว โดยตอนนี้ได้แชมป์ลีกคัพไปครองแล้ว ส่วน พรีเมียร์ลีก ก็นำเป็นจ่าฝูง ขณะที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็นับว่ามีลุ้น ส่วน เอฟเอ คัพ ก็ทะลุเข้ามาถึงรอบตัดเชือกแล้ว

เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวว่า “เอาจริง ๆ ตอนนี้ผู้คนกำลังมองว่า แมนซิตี้ มีสิทธิ์คว้า 4 แชมป์มาครองได้นะ ซึ่งส่วนตัวผมแล้วก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะว่าพวกเขามีผลงานที่ดีจริง ๆ โดยเฉพาะในชั่วโมงนี้”

“ส่วน บาร์เซโลน่า คืนก่อนก็มีปัญหานิดหน่อยแต่พวกเขาก็กลับมาได้ ขณะที่ ยูเวนตุส ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเมื่อเทียบกับ แมนซิตี้ ผมคิดว่ายังดูคงเส้นคงวากว่าอีก 2 ทีมข้างต้นนะ แต่กับการแข่งขันในแชมเปี้ยนส์ ลีก อะไรก็เกิดขึ้นได้นะ มันคือความจริง”

“ฉะนั้น มันก็ไม่ง่ายเลยที่ แมนซิตี้ จะเอาชนะได้ในทุกเกมที่เหลือของทุกรายการแข่งขัน แต่ยังไงซะเราก็ต้องยอมรับว่าชั่วโมงนี้ พวกเขาดูดีที่สุดเลยเว้ยแก”

คนอื่นหลีกไป! ทำไม ฟาบินโญ่ ถึงควรเป็นมิดฟิลด์ตัวจริงให้ ลิเวอร์พูล

ฟาบินโญ่ สมควรเป็นตัวจริงเบอร์ 1 ในตำแหน่งแผงกลางของ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้

อัลดริดจ์ เอาเกมนัดล่าสุดของ ลิเวอร์พูล ที่เปิดรัง แอนฟิลด์ เฉือนชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม มาเป็นการอ้างอิงถึงมุมมองของเขา โดยเจ้าตัวบอกว่าตอนแรกแผงกลางของ “หงส์แดง” เจอปัญหาหนักสุดๆ แต่พอ ฟาบินโญ่ ลงมาแล้วรูปเกมของเจ้าถิ่นก็ดูดีขึ้น

อัลดริดจ์ ถึงขั้นบอกด้วยว่าในทุกนัดที่เหลือหลังจากนี้นั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ควรจะดร็อปใครสักคนระหว่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม และ เจมส์ มิลเนอร์ พร้อมกับให้ ฟาบินโญ่ เป็นตัวจริง ซึ่งสถิติต่างๆ ก็แสดงให้เห็นว่าคำพูดของ อัลดริดจ์ ถือว่าสมเหตุสมผลพอตัว

– เข้าสกัดได้แม่นยำ
2.1 ครั้งต่อนัด คือค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดสำเร็จของ Fa bin yo ในการเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ซึ่งถ้าเทียบกับ เฮนเดอร์สัน, ไวจ์นัลดุม และ ฟาบินโญ่ แล้วล่ะก็ ดาวเตะชาวบราซิเลียนก็ถือเป็นแชมป์ในชาร์ตนี้ โดยอันดับ 2 อย่าง เฮนเดอร์สัน กับ มิลเนอร์ มีค่าเฉลี่ยเพียง 1.5 หนต่อเกมเท่านั้น

นอกจากนี้ ฟาบินโญ่ ยังมีค่าเฉลี่ยการตัดบอลได้ (หมายถึงการแย่งบอลโดยไม่ต้องสไลด์) ดีที่สุดในกลุ่ม 4 คนด้วย ที่จำนวน 1 หนต่อเกม ซึ่งการมีนักเตะแบบนี้อยู่ในสนามจะช่วยให้เกมรับเล่นได้ง่ายขึ้น พร้อมกับมีโอกาสเสียประตูน้อยลงตามไปด้วย

– ผ่านบอลโดยรวมได้ดี
ในกลุ่ม 4 คนนี้ ไวจ์นัลดุม อาจจะเป็นคนที่มีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลโดยรวมดีที่สุด ที่จำนวน 91.1 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ Fa bin yo ตามมาห่างๆ ที่ 85.3 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเทียบเฉพาะการผ่านบอลในระยะสั้นแล้วทั้งคู่ไม่ได้ต่างกันมากเลย

ไวจ์นัลดุม มีค่าเฉลี่ยผ่านบอลระยะสั้นแม่นยำอยู่ที่ 45.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทาง ฟาบินโญ่ แพ้เขาแค่ 0.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่ในด้านการผ่านบอลระยะยาวแล้ว Fa bin yo ก็เหนือกว่าด้วยซ้ำ เพราะเขาผ่านบอลระยะยาวเข้าเป้า 2.7 หนต่อเกม ส่วนของ ไวจ์นัลดุม อยู่ที่ 1.8 หนต่อนัด

ถึงแม้เปอร์เซ็นต์ความแม่นยำในการผ่านบอลของ Fa bin yo จะสู้ ไวจ์นัลดุม ไม่ได้ แต่เขาก็แพ้อีกฝ่ายไปแค่นิดเดียว ในทางกลับกัน เขายังมีประโยชน์ในด้านเกมรับอีกด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาน่าจะช่วยทีมได้หลายด้านกว่า

– โดดเด่นด้านลูกกลางอากาศ
การเป็นมิดฟิลด์ที่ดีบางครั้งก็ต้องชิงโหม่งจังหวะที่คู่แข่งโยนยาวมาด้วย ซึ่งค่าเฉลี่ยการชนะลูกกลางอากาศของ ไวจ์นัลดุม ในลีกอยู่ที่ 0.9 ครั้งต่อเกมเท่านั้น ขณะที่ของ เฮนเดอร์สัน กับ มิลเนอร์ อยู่ที่ 0.7 หนต่อเกม

อย่างไรก็ตาม ฟาบินโญ่ เหนือกว่าทั้ง 3 คนอย่างมาก เพราะเขามีค่าเฉลี่ยการชนะการดวลกลางอากาศถึง 2 ครั้งต่อเกม เรียกได้ว่าเวลาคู่แข่งโยนยาวมา เขาก็มักจะช่วยดักบอลได้ดีอยู่บ่อยๆ และทำให้เกมของ ลิเวอร์พูล เล่นง่ายตามไปด้วย

ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก แมนยูแพ้ชวดขึ้นที่ 3 บ๊ายบายฟูแล่ม สถานการณ์หนีตกชั้น

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา เป็นเกมนัดตกค้างมีสองคู่ที่น่าสนใจ “หมาป่า” วูลฟ์แฮมป์ตัน เปิดรับรับมือ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งคู่นี้เคยเจอกันมาล่าสุดในเกม เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นทัพหมาป่าที่สอยผีแดงร่วงพร้อมตีตั๋วเข้ารอบตัดเชือกที่เวมบลี่ย์

เกมนี้ “ทัพอสูร” เหมือนจะเริ่มต้นได้ดี เมื่อ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ยิงให้ แมนฯยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 แต่จากความผิดพลาดรายบุคคลของแข้งปีศาจแดงทำให้ต้องมาเสียประตูตีเสมอ 1-1 ก่อนจบครึ่งเวลาแรก

และครึ่งหลัง กลายเป็น “หมาป่า” ที่เล่นได้ดีกว่า ยิ่งทีมเยือนมาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ แอชลี่ย์ ยัง มาโดนใบเหลืองที่สองเป็น “ใบแดง” ถูกไล่ออกจากสนาม ซึ่งเมื่อต้องเล่น 10 คน ดูจะปั่นป่วนไปหมด และเจ้าถิ่นก็ฉวยโอกาสที่ตัวนั้นมากกว่าไล่บดกดดันก่อนจะมาได้ประตูชัยจากการทำเข้าประตูตัวเองของ คริส สมอลลิง จบเกมกลายเป็น “หมาป่า” ที่ตอกย้ำชัยชนะให้ “ปีศาจแดง” อีกคำรบ

ลูกทีมของ โอเล่ โซลชา ล้างแค้นไม่สำเร็จ! แพ้ให้วูล์ฟสฯ 2 เกมติด แถมสถิติเจอกัน 3 นัด ซีซั่นนี้ แมนฯยูไนเต็ด ไม่เคยชนะเลย

อีกทั้ง ทิ้งโอกาสขึ้นอันดับ 3 กลายเป็นพ่ายนัดที่ 7 ในลีก รั้งอันดับ 5 เหมือนเดิม และคืนวันพุธนี้หาก “สิงห์บลูส์” คว้าสามแต้มเหนือไบรท์ตันได้จะแซงอสูรแดงขึ้นที่ 5 แทนพร้อมกับถีบแมนยูหล่นไปอยู่ที่ 6 แทน

ส่วนผลอีกคู่น่าสนใจไม่แพ้กัน วัตฟอร์ด ซึ่งปีนี้ได้ผ่านเข้าไปเล่นใน เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ แม้สองเกมล่าสุดในลีกจะพ่ายให้สองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์มา แต่เกมนี้ฟอร์มโคตรดุรัวถล่มใส่ ฟูแล่ม เละเทะ 4-1

ความพ่ายแพ้ของ “เจ้าสัวน้อย” ส่งผลให้ตกชั้นตาม ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ร่วงไปเล่นในแชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลหน้าอย่างเป็นทางการ แม้จะเหลือโปรแกรมอีก 5 เกมในลีกก็ตาม

แล้วทีมไหนจะหล่นตกชั้นเป็นทีมสุดท้าย? แน่นอนว่าทั้ง บอร์นมัธ, คริสตัล พาเลซ, นิวคาสเซิ่ล, ไบรท์ตัน, เซาธ์แฮมป์ตัน, เบิร์นลี่ย์ และคาร์ดิฟฟ์ ต่างก็มีโอกาสร่วงด้วยกันหมด โดยเฉพาะ “บลูเบิร์ดส” ทีมอันดับ 17 ที่มีโอกาสร่วงมากกว่าใครหลังตามโซนปลอดภัยถึง 5 แต้ม ทั้งเกมตกค้างวันพุธนี้พวกเขาต้องบุกไปเยือนแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีก

ทิ้งท้ายด้วย อันดับตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมถึงดาวซัลโวและท็อปแอสซิตส์ของซีซั่น หลังสิ้นสุดโปรแกรมเมื่อวันอังคารที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น