ชนาธิปสุดจี๊ด!ตัดเกรดแข้ง ทีมชาติไทย แม้จะแพ้แต่เล่นเต็มที่

ทีมชาติไทย การได้เจอกับ ทีมระดับท็อปของโลก นับเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าของผู้เล่นทีมชาติไทย แม้ผลสกอร์ที่ออกมาเราจะพ่ายแพ้ไปถึง 0-4 แต่เหล่าแข้งช้างศึกทุกคนก็ทำดีสุดความสามารถแล้ว โดยเฉพาะในรายของ เจ-ชนาธิป ที่ใช้ความพลิ้วเล่นแข้งจอมโหดได้หลายครั้งและแน่นอนเขาคือคนที่ได้คะแนนเยอะสุดในทีม ส่วนคนอื่นๆจะได้เท่าไหร่กันบ้าง ไปดูกันได้เลย
ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน : แม้จะโดนเจาะถึงสามประตู แต่ก็มีเซฟประตูจะๆได้สองครั้ง 5.5

ทริสตอง โด : สู้ความใหญ่ของคริสเตียน สตูอานี่ไม่ไหวจนทีมเสียประตูที่สอง 5.5

สุพรรณ ทองสงค์ : เจองานหนักในการรับมือพายุเกมรุกของทีมจอมโหด 5

อดิศร พรหมรักษ์ : โดนแกสตัน เปเรยโร่ วิ่งตัดหน้าแตะบอลเข้าประตู แต่โดยรวมถือว่าทำได้ดี 6

นัสตพล มาลาพันธ์ : เจอปัญหาในการรับมือความเก๋าเกมของเหล่าแนวรุกอุรุกวัย 5.5

ธีราทร บุญมาทัน : ตั้งใจเล่นเต็มที่ตลอดทั้งเกมแม้จะไม่ได้มีโอกาสเติมเกมบุกเท่าไหร่นัก 6

ธนบูรณ์ เกษารัตน์ : คอยลงมาช่วยผ่อนงานของสามเซ็นเตอร์ 6

ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ : ตลอดเวลาที่อยู่ในสนามวิ่ง สู้ ฟัด ไม่หยุด จนในช่วงกลางครึ่งหลังดูเหมือนจะหมดแรง 6

สารัช อยู่เย็น : จริงอยู่เมื่อหากเทียบกันเจ้าตังค์สู้กับแดนกลางของอุรุกวัยไม่ได้ แต่เขาก็ทำดีที่สุดแล้ว 5.5

ชนาธิป สรงกระสินธ์ : หลายครั้งที่ผู้เล่นอุรุกวัยต้องตัดฟาวล์ใส่เพื่อหยุดความจี๊ดจ๊าด นับว่าสอบผ่านเลยสำหรับเจในเกมนี้ 7

อดิศักดิ์ ไกรษร : ประตูแรกที่เสีย AK9 อาจประกบไม่ดีเท่าที่ควร แต่โดยรวมก็วิ่งทุ่มเท พยายามวิ่งหาช่องให้เพื่อนจ่ายตลอด 6

สำรอง

พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี (แทนสารัช อยู่เย็น น.66) : เกือบสร้างชื่อด้วยการซัดประตูใส่มุสเรล่า แต่นายด่านจากกาลาตาซาราย ซูเปอร์เซฟปัดบอลออกหลังไป 6

นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (แทนทริสตอง โด น.66) : เผชิญปัญหาเดียวกับที่ทริสตอง โด ประสบ คืออุรุกวัยมักขึ้นเกมทางริมเส้นฝั่งซ้ายเป็นส่วนใหญ่ 6

เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ (แทนนัสตพล มาลาพันธ์ น. 73) : แทบไม่ได้มีโอกาสเล่นกับบอลเลย 5

ฉัตรชัย บุตรพรหม (แทนศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ) : ล้มตัวเซฟลูกยิงของลูคัส ตอร์เรยร่า ได้ดี แต่ก็มาเสียท่าโดนเจาะประตูจนได้ 5.5

ศนุกรานต์ ถิ่นจอม (แทนฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ น.79) : มีเวลาน้อยไป แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีของเด็กปั้นเอสซีจี เมืองทอง 5.5

ใครเจ๋งสุด!เปิดลิสต์ 5 กุนซือเก่งสุดในโลก

กุนซือเก่งสุดในโลก ชีวิตของผู้จัดการทีมฟุตบอล มันไม่มีอะไรง่ายเลย ยิ่งด้วยการได้คุมทีมใหญ่แล้วนอกจากเรื่องของแท็คติคในสนาม ก็ยังมีเรื่องของการรับมือกับเหล่าแข้งซูเปอร์สตาร์ ที่พวกเขาต้องควบคุมมันให้ได้
ยามใดที่ทีมผลงานดีการได้รับคำชมก็อาจมีมากขึ้นตามกันแต่หากเมื่อไหร่ที่ฟอร์มย่ำแย่แล้ว แน่นอนเขาคือคนแรกที่ต้องรับผิดชอบ

ในปัจจุบัน เราได้เห็นผู้จัดการทีมเจ๋งๆหลายรายในโลกฟุตบอลสมัยใหม่ และพวกเขาเหล่านั้นก็พิสูจน์ความสำเร็จในลีกชั้นนำของยุโรปมาหลายฤดูกาล

ลิสต์นี้เราได้คัดบรรดากุนซือที่ได้ชื่อว่ามีความเก่งฉกาจและการันตีด้วยความสำเร็จไม่ว่าจะในเวทียุโรปหรือในลีกตัวเอง เอาล่ะ เกริ่นมาถึงตรงนี้แล้ว จะมีใครบ้างไปดูกันได้เลย

5. เจอร์เก้น คล็อปป์


ประสบความสำเร็จกับโบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ ด้วยการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาสองสมัย ส่วนผลงานกับลิเวอร์พูล แม้จะยังไม่มีถ้วยใดๆติดไม้ติดมือ แต่เขาก็สามารถหงส์แดงเข้าชิงชนะเลิศได้ถึง 3 รายการ ทั้ง คาลิ่ง คัพ, ยูโรปา ลีก และ ยูฟ่า
แชมเปี้ยนส์ลีก

ยิ่งตอนนี้ผลงานของเดอะ เรดส์ ในลีกปีนี้ ก็ก้าวขึ้นมาเบียดแย่งแชมป์กับแมนฯซิตี้ ได้สูสี ส่วนผลงานในแชมเปี้ยนส์ลีก ก็ทะลุเข้าถึงรอบก่อนรองฯ และหากย้อนไปสมัยอยู่กับเสือเหลือง เขาก็เคยพาดอร์ทมุนด์ เข้าชิงรายการนี้ได้อีกด้วย

น่าเสียดายที่เขามักจะพลาดหวังในนัดชิงฯมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งหากในอนาคตคล็อปป์พาทีมได้แชมป์ไม่ว่าถ้วยใดถ้วยหนึ่ง อันดับในลิสต์นี้จะขยับขึ้นอีกแน่นอน

4. ดีเอโก้ ซิเมโอเน่


แม้ฟุตบอลของซิเมโอเน่ไม่ใช่ประเภทที่ ต่อบอลกันสวยงาม ครองบอลเยอะ หรือเปิดเกมบุกอันเร้าใจ แต่คุณจะเถียงไม่ได้เลยหากมองจากความสำเร็จที่เขาทำไว้กับแอต.มาดริด

จาก 420 เกม เขาพาทีมมีอัตราชนะสูงถึง 61% ด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นเรื่องความเข้มข้นในเกมรับ ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จที่พาทีมตราหมีเถลิงแชมป์ลา ลีกามาครองได้ เท่านั้นไม่พอนอกจากเด่นในลีกตัวเองแล้ว ในบอลถ้วยใหญ่ยุโรปเขาก็
พาทีมจบรองแชมป์ได้ถึงสองครั้ง ในซีซั่น 2013/14, 2015/16 รวมถึงก้าวเป็นแชมป์ยูโรปา ลีก ได้สองสมัย เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่เราจะยกให้เขาติดอันดับนี้

3. ซีเนดีน ซีดาน


ซีดานอาจไม่ไดมีระยะเวลาในการคุมการมายาวนั้นเหมือนกุนซืออื่นๆ ถึงกระนั้นความมหัศจรรย์ของเขาก็เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ

หากเทียบกับการที่มีอัตราชนะเพียง 45% กับ เรอัล มาดริด คาสตีย่า หรือทีมราชันชุดขาว ชุดบี ถือว่าเป็นผลงานที่ไม่เขาตานัก อย่างไรก็ตาม บอร์ดเรอัล มาดริด มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวอดีตเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 5 ของทีมรายนี้
และมอบโอกาสการคุมทีมแก่เขา ซึ่งผลที่ออกมานั้นนับเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าบอร์ดบริหารคิดถูก

ซิซู พาราชันชุดขาวกวาดแชมป์ยุโรปได้ถึงสามสมัยติดต่อ อีกทั้งยังคว้าแชมป์ลาลีกาได้อีกในซีซั่น 2016/17 ทว่าช่วงซัมเมอร์ 2018 เขากลับมาชิงลาออกกลางคัน แต่สุดท้ายท่ามกลางปัญหาของมาดริด ซีดานก็ถูกรับเลือกมาแก้วิกฤติของ
ทีมอีกครั้ง

2. มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี


กว่าสองทศวรรษที่เขาโด่งดังในฐานะนักฟุตบอล พอหลังจากสิ้นเส้นทางอาชีพอัลเลกรีก็ตอกย้ำความเป็นสุดยอดคนลูกหนังด้วยการรับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม ทั้งกับ ซัสซูโอโล, เอซี มิลาน หรือยูเวนตุส โดยเฉพาะกับม้าลายแห่งตูริน

แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 5 สมัยติดต่อกัน 4 แชมป์โคปา อิตาเลีย คือความสำเร็จที่จับต้องได้ของเขากับยูเว่ ในลีกอิตาลี ไม่เพียงเท่านั้น ผลงานในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็นับว่าอยู่ในขั้นที่ยอดเยี่ยมจากการพายูเวนตุส เข้าชิง 2 ครั้งในรอบ 4 ปี
ซึ่งในปีนี้ ความคาดหวังของเหล่าเบียงโคเนรี่ คือการได้สัมผัสแชมป์ยุโรปครั้งแรกในรอบ 22 ปี ถามว่าทำไมต้องต้องคาดหวังขนาดนั้น ก็เพราะตอนนี้ยูเวนตุสมีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ในทีมไงล่ะ

1. เป๊ป กวาร์ดิโอล่า


น้อยคนนักที่จะประสบความเร็จทั้งในอาชีพนักเตะและอาชีพกุนซือ แต่นั่นไม่ใช่กับชายที่ชื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ในฐานะผู้จัดการทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ฝากผลงานเด่นไว้กับบาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค และแมนฯซิตี้ ในปัจจุบัน

ทั้งสามสโมสรที่ผ่านการเจียระไนโดยเป๊ป อัตราการชนะมีสูงถึง 71%ทั้งสิ้น และพาทีมเหล่านั้นคว้าแชมป์ลีกได้ทั้งหมด นอกจากนี้กับบาร์ซ่า เขาก็พาเจ้าบุญทุ่มครองเจ้ายุโรปได้สองสมัย

เขาสร้างจุดเด่นให้กับทั้งบาร์เซโลน่า และบาเยิร์น มิวนิค ในแง่ของเรื่องการเล่นบอลที่สวยงาม และจนถึงตอนนี้ที่เวทีพรีเมียร์ลีก เขาก็ปรับแต่งเรือใบสีฟ้าจนเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบไม่ต่างจากสองทีมเก่าเลย

ซีซั่นก่อนเขาพาแมนฯซิตี้ กวาดได้ถึง 100 แต้มในลีก ชนิดที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และในตอนนี้เหล่าซิตีเซน ก็อยู่ในเส้นทางคว้า 4 แชมป์ ซึ่งในตอนนี้ทำได้มาแล้ว 1 แชมป์กับถ้วยคาราบาว คัพ

ด้วยผลงานอันเอกอุขนาดนี้ คงไม่มีใครใจร้าย บอกว่าเขาไม่ใช่กุนซือเบอร์ 1 โลกหรอก ใช่ไหม?

แมนยูร่วมวงล่า”ฮัดสัน-โอดอย”-บาเยิร์นไม่ท้อพร้อมมอบเบอร์ตำนานล่อใจ

ฮัดสันโอดอย ยอดปีกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ขณะที่บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเคยพลาดหวังในช่วงตลาดซื้อ-ขาย เดือนมกราคม ก็จะกลับมายื่นข้อเสนออีกครั้งและพร้อมมอบเสื้อหมายเลข 10 ให้แก่เจ้าตัว
เดลี่ เมล สื่อจากประเทศอังกฤษ รายงานว่า นอกจากลิเวอร์พูล, โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ และบาเยิร์น มิวนิค แล้ว แมนฯยูไนเต็ด สโมสรดังจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ให้ความสนใจคว้าตัวคัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ปีกดาวรุ่งของเชลซี ด้วยเช่นกัน

จากการที่สัญญาฉบับปัจจุบันของฮัดสัน-โอดอย จะหมดลงกับเชลซี ในปี 2020 และเจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าจะจรดปากกาฉบับใหม่ออกไป โดยทางสิงห์บลูส์ต้องการรั้งดาวรุ่งคนนี้ให้อยู่กับทีมต่อไป ซึ่งตารายงานจากสื่อดังกล่าวระบุว่า ข้อติดขัดเรื่องค่าเหนื่อยที่ว่าโอดอย ต้องการค่าเหนื่อยถึง 85,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ไม่สำคัญเท่ากับโอกาสในการลงสนาม โดยถึงปัจจุบัน ดาวรุ่งวัย 18 ปีรายนี้ ยังไม่ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงในลีกเลยนับตั้งแต่เมาริซิโอ ซาร์รี่ เข้ามาคุมทีม และเพิ่งได้ลงเล่นเพียง 274 นาทีเท่านั้นในเกมอย่างเป็นทางการ

และถึงแม้เชลซี กำลังเผชิญกับปัญหาเรื่องโทษแบนห้ามซื้อ-ขายผู้เล่น อีกทั้งโอกาสที่เอแด็น อาซาร์ สตาร์เด่นประจำทีมมีข่าวพัวพันจะย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริด แต่ทางยอดทีมจากลอนดอนเอง ก็เซ็นสัญญาล่วงหน้าคว้าตัว คริสเตียน พูลิซิช จากดอร์ทมุนด์ เข้าสู่ทีม จึงทำให้อนาคตของฮัดสัน-โอดอย ยังอยู่ในสถานะที่เป็นเครื่องหมายคำถามต่อไป

สเตอร์ลิ่ง-ซานโช่โชว์โหด! ชำแหละผลงานแข้งอังกฤษนัดกระซวกเช็ก

สเตอร์ลิ่ง “ทรี ไลอ้อนส์” โชว์ฟอร์มสุดโหดในนัดแรกของศึก ฟุตบอลยูโร 2020 รอบคัดเลือก หลังเปิดรัง เวมบีลย์ สเตเดี้ยม ถล่มผู้มาเยือนอย่าง เช็ก ชาดลอยถึง 5-0 มีแข้งผู้ดีหลายคนได้ลงประเดิมทีมชาติ ขณะที่ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ หนีไม่พ้นแข้งที่ระเบิดฟอร์มแฮตทริกของเกมนี้ได้ไปถึง 9.5 แต้มเลยทีเดียว เราไปชมผลงานแข้งอังกฤษในนัดนี้กัน
อังกฤษ

จอร์แดน พิคฟอร์ด 6
มีโอกาสเซฟเน้นๆอยู่แค่ครั้งเดียว แถมโอกาสเดียวนี้ก็ยิงตรงตัวรับง่ายๆอีก

ไคล์ วอล์คเกอร์ 6.5
เติมเกมบุกอย่างเมามันส์ คอยช่วยซัพพอร์ทเกมรุกของ จาดอน ซานโช่

ไมเคิ่ล คีน 6
เล่นง่าย ส่งบอลง่าย อาจจะขาดลูกจ่ายงามๆแบบ จอห์น สโตนส์ แต่โดยรวมยังถือว่าดี เจอบบททดสอบไม่ยากนัก

แฮร์รี่ แม็คไกวร์ 6.5
มีจังหวะบล็คกลูกยิงสำคัญๆบ้าง จ่ายบอลได้ดี แต่ก็ไม่ค่อยเจองานยากเช่นกัน

เบน ชิลเวลล์ 6.5
ส่วนใหญ่จะเน้นเติมเกมบุก มีตัดบอลและแย่งบอลสวยๆอยู่

เอริก ดายเออร์ 6
ได้ลงอยู่ประมาณ 17 นาทีก็โชคร้ายได้รับบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออก

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 7.5
เป็นศูนย์กลางในแดนกลาง คอยถ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีม บอลสั้นบอลยาวยังทำได้ยอดเยี่ยม

เดเล่ อัลลี่ 7
มีจับบอลสวยๆบ้าง แต่โดยรวมฟอร์มยังไม่โดดเด่นนัก เป็นคนตอกส้นให้ สเตอร์ลิ่ง จนทีมได้จุดโทษ

ราฮีม สเตอร์ลิง 9.5
มีส่วนร่วมกับประตูที่ได้ถึง 4 ลูก ซัดแฮตทริกแรกในนามทีมชาติ ยังเป็นคนเรียกจุดโทษให้กับทีมอีก

จาดอน ซานโช่ 8
อาจจะเริ่มเกมติดๆขัดๆบ้าง แต่หลังจากนั้นสกิลการเลี้ยงของเขาปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งได้ตลอด จัดแอสซิสต์ไปหนึ่ง

แฮร์รี่ เคน 7.5
เป็นคนจ่ายทะลุช่องจนเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้ประตูแรก ก่อนจะมาซัดจุดโทษ แต่ครึ่งหลังค่อนข้างเงียบไปหน่อย

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

รอส บาร์คลีย์ 7 (ลงมาแทน เอริก ดายเออร์ น.17)
ลงมาแบบกระทันหัน พยายามพาบอลขึ้นหน้าและช่วยเกมรุกตลอด

ดีแคลน ไรซ์ 6 (ลงมาแทน เดเล่ อัลลี่ น.63)
ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก ลงมาจ่ายบอลง่ายๆเป็นส่วนใหญ่

คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย 7 (ลงมาแทน ราฮีม สเตอร์ลิง น.68)
ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ครั้งแรก เป็นคนลากเลื้อยแล้วยิงไปติดเซฟ ก่อนกองหลังเช็กจะทำเข้าประตูตัวเอง

“ชนาธิป” ไม่ได้เก่ง กว่าคนอื่น…?

ชนาธิป ครั้งแรกในรายการ “เค แบงค์ ลิตเติ้ลลีก” เมื่อปี 2547 สะดุดตากับส่วนสูง 125 ซม แต่ดูเหมือนเด็กน้อยในสายตาผมวันนั้นมีอะไรพิเศษ กว่าเด็กคนอื่นๆ ในทีม ร.ร กีฬา กทม ผมเรียกเขามา พร้อมกับให้กรอกกระดาษประวัติส่วนตัวเพื่อเอามาลงหนังสือพิมพ์
7 ปีต่อมา มีผู้ชายวัยกลางคนมาทักว่า จำเขาได้ไหม? ผมเคยให้กระดาษใบหนึ่งกับลูกชายเขากรอกเพื่อเอามาลงหนังสือพิมพ์ “ฟุตบอลสยาม” วันนี้เขาพาลูกชายคนนั้น มารับรางวัลนักฟุตบอลเยาวชนยอดเยี่ยม “ฟุตบอลสยาม โกลเด้นบอล” ในวัย 18 ปี

“เอาตรงๆ ผมจำไม่ได้ครับ ฟุตบอลนักเรียน ไม่ได้ตามเลยครับคุณพ่อ ลูกพ่อชื่ออะไรครับ?”

ชื่อ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์… พ่อเขาว่าอย่างนั้น พร้อมเรียกลูกชายที่เพิ่งไปสอยสูทจาก เซ็นทรัล ลาดพร้าว เผลอๆ น่าจะเป็นตัวแรกในชีวิตนักเตะคนนี้ ผมเห็นหน้าก็ยังจำไม่ได้อยู่ดี

หลังจากนั้น “ตาจุ้ง” ก้องภพ สรงกระสินธ์ คุยกับผมบ่อยขึ้น และผมเองเห็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของ “เจ” อย่างต่อเนื่อง

แต่กว่าจะก้าวกระโดดแบบนี้ “เจ” ล้มไม่เป็นท่า บ่อยครั้งเท่าที่เขาพยายามสู้ หลังเรียน ร.ร.กีฬา กทม ก็เดินสายคัดหลายโรงเรียนผิดหวังจนชิน สุดท้ายได้มาเรียนพ.ราชดำเนิน

หลายคนมีคำถามว่า ทำไม “เจ” ยกมาตรฐานฟุตบอลของตัวเองเก่งกว่าคนอื่น กลายเป็นตัวหลักทีมชาติไทยแบบขาดไม่ได้ เช่นเดียวกับสโมสร คอนซาโดเล่ ซัปโปโล ที่ควักเงินก้อนโตซื้อขาดจาก เอสซีจี เมืองทองฯ

“เจ” ไต่เต้ากับทุกสโมสร หรือทีมชาติจากตัวสำรองทั้งนั้น ยกเว้น เมืองทองฯ ที่มาในฐานะดีกรีทีมชาติไทย เขาเองไม่ได้เก่งไปกว่านักเตะคนอื่นนะครับ

ไม่ได้มีพรสวรรค์สูงอย่างที่หลายคนเห็นในสนามฟุตบอลในวันนี้ แต่ “เจ” ไม่เคยยอมแพ้ กับสิ่งที่เขาเคยพ่ายแพ้ในเกมฟุตบอลครับ จนเป็นที่มาของชัยชนะ

“ตาจุ้ง” พ่อของเจ ตบด้วยฝ่ามือ ฟาดด้วยที่สูบลมฟุตบอล เพื่อหวังจะให้ลูกพ่อค้าขนมหวานจากสามพราน เก่งเหมือน ดีเอโก้ มาราโดน่า เล่นฟุตบอลอาชีพให้ได้ ท่ามกลางคำดูถูกในสรีระของลูกชาย และถ้าไม่ใช่นักเตะอาชีพ “เจ” มีความพยายามไม่พอ อดทนน้อยกว่านี้ อาจจะเป็นพ่อค้าขนมหวานต่อจากพ่อ

นั่นเป็นสิ่งที่ หนุน “เจ” ให้มีสมาธิกับฟุตบอลสูงมาก ทำงานหนักทุกครั้งที่ฝึกซ้อมและลงสนาม มองฟุตบอลเป็นเรื่องบวก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด เขาเอง กลับมาแก้ไขสิ่งผิดพลาด และยอมรับทุกครั้งถ้าหากต้องผิดหวังเรื่องผลการแข่งขัน หรือว่าต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงในทีม

ทัศนคติของ ชนาธิป ในการมองโลกฟุตบอลดีมากๆ ความฝันของเขา ค่อยๆ รุกคืบ ขึ้นเรื่อยๆ จากสโมสรดีๆ สู่ทีมชาติ ต่อยอดสู่เจลีก สเต็ปต่อไป ก็คงหนีไม่พ้นสโมสรในยุโรปแน่นอน

มองแล้วมีโอกาสเป็นไปได้สูงครับ ยิ่งเห็น “เจ” แตะหลบ ล็อกหนี ลอดขา นักเตะจีนแล้ว ยิ่งคิดไปไกลว่า “เจ” จะไปยุโรปในไม่ช้า

แต่ทั้งหมด ยังยืนยันอีกครั้งว่า “เจ” ไม่ได้เก่ง พกพรสวรรค์มาแต่เด็ก แต่ เขาฝึกซ้อม เลี้ยงหลบกรวย ยิงประตู ซิทอัพ วิดพื้น โหม่งบอล หรือแม้กระทั่งโดนคู่แข่งล่อหน้าแข้ง ขาหลังเป็นหมื่นครั้งแสนครั้ง

จนเป็นที่มาของ นักเตะเบอร์ 1 เมืองไทยในวันนี้

ปิเก้ จับมือ ชาบีติดทัพกาตาโลเนียอุ่นเวเนซูเอล่า

ปิเก้, โบยาน เกร์กิช และ ชาบี เอร์นานเดซ มีชื่อติดทัพกาตาโลเนีย ในเกมอุ่นเครื่องพบ เวเนซูเอล่า วันจันทร์ที่ 25 มี.ค.นี้ โดยจะเป็นแมตช์แรกที่พวกเขาลงสนามในช่วงเวลาเดียวกับที่ ฟีฟ่า จัดโปรแกรมให้กับทีมชาติ แต่กระนั้นมีหลายสโมสรในลีกสเปน ที่ไม่ปล่อยตัวนักเตะมาร่วมทีมในแมตช์นี้
กาตาโลเนีย ประกาศรายชื่อนักฟุตบอลที่จะลงเล่นอุ่นเครื่องพบ เวเนซูเอล่า ในวันจันทร์ที่ 25 มีนาคมนี้ นำทัพโดย เคราร์ด ปิเก้ เซนเตอร์แบ็กจอมแกร่ง “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า, โบยาน เกร์กิช หัวหอกสโต๊ค ซิตี้ และ ชาบี เอร์นานเดซ จอมทัพมากประสบการณ์ ในวัย 39 ปีจากสโมสรอัล ซาดด์

สำหรับแมตช์นี้เป็นเกมแรกที่ทัพกาตาลัน จะได้ลงเล่นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) กำหนดให้มีการแข่งขันในระดับทีมชาติอย่างเป็นทางการ แต่กระนั้นทีมไม่ได้รับการหนุนหลังจากหลายๆ สโมสรในลา ลีกา เพราะ เรอัล บายาโดลิด, บียาร์เรอัล, อ้วยส์ก้า และ ราโย บาเยกาโน่ ที่ไม่ปล่อยนักเตะมาร่วมทีม

อย่างไรก็ตาม การที่ กาตาโลเนีย ไม่ได้เป็นสมาชิกสหพันธ์ลูกหนังนานาชาติ ทำให้ ฟีฟ่า ไม่สามารถใช้อำนาจเพื่อกดดันสโมสรเหล่านั้นให้ปล่อยนักเตะของพวกเขาออกมาเล่นให้ทีมชาติได้ ขณะเดียวกัน เคราร์ด โลเปซ เทรนเนอร์กาตาโลเนีย น้อมรับการตัดสินใจของสโมสรต่างๆ พร้อมยืนยันนี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับฟุตบอลล้วนๆ ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ กาตาโลเนีย เคยมีโปรแกรมในการสู้กับทีมชาติอื่นมาแล้ว โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1912 เมื่อพวกเขาแพ้ ฝรั่งเศส 0-7 แต่ไม่ได้รับการจดบันทึกจากสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) และ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า)

กระนั้นพวกเขายังเคยลงเล่นเกมอุ่นเครื่องกับชาติมหาอำนาจลูกหนังอีกครั้งโดยพบกับ อาร์เจนตินา ที่มีทั้ง อังเคล ดิ มาเรีย, กอนซาโล่ อิกวาอิน และ ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ ในปี 2009 โดยเกมนั้น โยฮัน ครัฟฟ์ ทำหน้าที่กุมบังเหียน พร้อมกับผู้เล่นชั้นยอดได้แก่ บิตอร์ บัลเดส, การ์เลส ปูโยล, เซร์คิโอ บุสเกสต์, โบยาน, ปิเก้ และ ชาบี พร้อมกับคว้าชัยชนะ 4-2 ต่อหน้าแฟนบอล 53,000 คนในสนามคัมป์ นู

รายชื่อทีมกาตาโลเนีย

ผู้รักษาประตู : ไอแซค เบเซร์ร่า (นาสติค เด ตาร์ราโกน่า), เอ็ดการ์ บาเดีย (เอลเช่

กองหลัง : มาร์ติน มอนโตย่า (ไบรท์ตัน), เคราร์ด ปิเก้ (บาร์เซโลน่า) มาร์ค บาร์ตร้า (เรอัล เบติส), อเล็กซ์ วิดัล (เซบีย่า), ดีดัค บีล่า (เอสปันญ่อล), มาร์ค กูกูเรย่า (เออิบาร์), มาร์ค มูเนียซ่า (คิโรน่า)

กองกลาง : วิคตอร์ ซานเชซ (เอสปันญ่อล), ชาบี เอร์นานเดซ (อัล ซาดด์) , เปเร่ ปอนส์ (คิโรน่า), ออสการ์ เมเลนโด้ (เอสปันญ่อล), โจน จอร์แดน (เออิบาร์), อเล็กซ์ กราเนลล์ (คิโรน่า), โอริโอล โรเมว (เซาธ์แฮมป์ตัน) อเล็กซิส การ์เซีย (คิโรน่า)

กองหน้า : เซร์คิโอ การ์เซีย (เอสปันญ่อล), โบยาน เกร์กิช (สโต๊ค ซิตี้), มาร์ค การ์โดน่า (เออิบาร์)

พระเจ้าชอบ!2แข้งแมนยูคนไหนที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ชมเป็นพิเศษ

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้า ลอสแองเจลิส แกแล็กซี่ กล่าวชม ปอล ป็อกบา กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด 2 แข้งของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นพิเศษ โดยบอกว่า “ปีศาจแดง” ควรจะให้ทั้งคู่เป็นศูนย์กลางของทีมด้วย
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หัวหอกคนดังของ ลอสแองเจลิส แกแล็กซี่ สโมสรในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (เอ็มแอลเอส) สหรัฐอเมริกา กล่าวยกย่อง ปอล ป็อกบา กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด 2 ดาวเตะตัวหลักของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าเป็นแข้งที่ยอดเยี่ยม

ป็อกบา เคยทำผลงานได้น่าผิดหวังในช่วงต้นฤดูกาลนี้ แต่หลังจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวของ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสุดๆ จนกลายเป็นคนที่ทีมขาดไม่ได้ไปแล้ว ส่วน แรชฟอร์ด ก็กำลังทำประตูได้เรื่อยๆ เช่นกัน

อิบราฮิโมวิช ที่เคยเล่นร่วมกับทั้งคู่ในสีเสื้อของ แมนฯ ยูไนเต็ด เผยว่า “ผมคิดว่า ป็อกบา มีศักยภาพดีพอที่จะเป็นนักเตะระดับโลก เขาเป็นคนดี เขาซ้อมหนักมาก เขาฟังที่คนอื่นพูด เขาอยากเก่งขึ้น เขาอยากชนะ เขาอยากเล่นให้ดีในทุกๆ เกม สิ่งที่เกิดขึ้นนอกสโมสรมันไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจเลย เพราะเมื่อคุณอยู่ในระดับสูงแบบนั้นแล้วเนี่ย ทุกคนก็จะพูดถึงคุณอยู่เสมอ ไม่ว่าจะทั้งในแง่ดีและแง่ลบ”

“ขณะที่ แรชฟอร์ด ก็ถือเป็นอนาคตของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตอนแรกผมคิดว่าเขาชอบเล่นแบบฉายเดี่ยวมากกว่า แต่ตอนนี้เขาหันมาเล่นเป็นทีมมากขึ้นแล้ว เขากำลังใช้คุณภาพของตัวเองเพื่อทีมมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวเขาแค่คนเดียว เขามีศักยภาพสูงมาก และมีอนาคตที่สดใสกับ ยูไนเต็ด สิ่งที่พิเศษขึ้นไปอีกก็คือเขามาจากอะคาเดมี่ของทีมด้วย ผมคิดว่าเขาพัฒนาได้แบบไร้ขีดจำกัดเลยล่ะเขาต้องเดินหน้าทำให้ได้แบบนี้ต่อไป แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องสร้างทีมโดยให้ทั้ง 2 คนนี้เป็นศูนย์กลางของพวกเขา”

ไฟเขียว! ลิเวอร์พูลพร้อมอนุมัติงบมหาศาลให้ คล็อปป์ ดึง อิสโก้

ลิเวอร์พูล เตรียมอนุมัติเงินจำนวน 100 ล้านปอนด์ ให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพื่อเป็นค่าตัวของ อิสโก้ มาเสริมความแกร่งในแนวรุกในช่วงซัมเมอร์นี้
บอร์ดบริหารของลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมอนุมัติเงินจำนวน 100 ล้านยูโร ให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพื่อนำไปสู่ขอ อิสโก้ มิดฟิลด์ชาวสแปนิชของ เรอัล มาดริด มาร่วมทีม หลังจบซีซั่นนี้ จากการายงานของ ดิอาริโอ โกล สื่อชื่อดังจากสเปน เมิ่อวันที่ 18 มีนาคม

อิสโก้ วัย 26 ปี ที่ยังเหลือสัญญากับ “ราชันชุดขาว” ถึงปี 2022 ต้องกลายเป็นส่วนเกินของทีมภายใต้การทำทีมของกุนซือ ซานติอาโก้ โซลารี่ หลังจาก จูเลน โลเปเตกี โดนปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามเจ้าตัวเพิ่งกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริง และทำได้หนึ่งประตูในเกมที่ เรอัล มาดริด ชนะ เซลต้า บีโก้ 2-0 ในเกมลีกนัดล่าสุด หลังจากสโมสรประกาศแต่งตั้ง ซีเนดีน ซานดาน เฮ้ดโค้ชชาวฝรั่งเศสกลับมากุมบังเหียนรอบที่สอง ทำให้สถานการณ์ของเจ้าตัวกลับมาสดใสอีกครั้ง

แต่ถึงกระนั้นล่าสุด ดิอาริโอ โกล ระบุว่า คล็อปป์ กำลังจับตาดูสถานการณ์ของ อิสโก้ อย่างใกล้ชิด โดยต้องการมาเสริมความแกร่งในแนวรุกเนื่องจากทีมกำลังขาดนักเตะสร้างสรรค์เกม ซึ่งมิดฟิลด์ชาวสเปนตอบโจทย์ดังกล่าว และน่าจะเล่นเข้ากับระบบทีม

ขณะเดียวกัน ดอน บาลอน อีกหนึ่งสื่อจากสเปน อ้างว่า อิสโก้ ได้ตัดสินใจวางแผนอำลาทีมล่วงหน้าไว้แล้วหลังจบซีซํ่นนี้ โดยมี พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นเป้าหมายต่อไป และนักเตะได้รับอนุญาตจากสโมสรให้ย้ายทีมได้โดยตั้งค่าตัวไว้ที่ 100 ล้านยูโร

เกร็ดน่าสนใจ ลิเวอร์พูล บุกเฉือนหวิว ฟูแล่ม

ลิเวอร์พูล คว้า 3 คะแนน แบบที่ทำให้แฟนบอลต้องใจหายใจคว่ำเมื่อบุกไปเฉือน ฟูแล่ม 2-1 ที่สนามคราเว่น ค็อตเทจ เกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยแมตช์นี้ต้องชื่นชม ซาดิโอ มาเน่ ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และยิงประตูให้ทีมขึ้นนำ
ขณะเดียวกับ “หงส์แดง” อาจจะมีจังหวะการเล่นที่ผิดพลาดทำให้ทีมโดนตีเสมอ กระนั้นพวกเขายังถือว่าเป็นทีมที่พกดวงมาเยอะเมื่อได้จุดโทษในช่วงท้ายเกม และเป็น เจมส์ มิลเนอร์ จอมฉมังลูกนิ่ง ที่ซัดประตูสำคัญส่งให้ “เดอะ เร้ดส์” แซง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นเป็นจ่าฝูงเรียบร้อยแล้ว

– ลิเวอร์พูล สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นในเกมพรีเมียร์ลีกตลอดช่วง 10 เกมที่ผ่านมา (ชนะ 6 เสมอ 4 แพ้ 0) และกลับขึ้นมาเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม

– ฟูแล่ม แพ้ไปแล้ว 25 เกมจาก 26 แมตช์ในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีในการสู้กับทีม “บิ๊ก ซิกซ์” (ชนะ 0 เสมอ 1 แพ้ 25) แถมแพ้ไปแล้ว 11 เกมในซีซั่นนี้ซะด้วย
– เจมส์ มิลเนอร์ สร้างสถิติในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อยิงประตูได้และทีมไม่แพ้ โดยตอนนี้สถิติอยู่ที่ 51 เกม (ชนะ 40 เสมอ 11 แพ้ 0)
– เจมส์ มิลเนอร์ ยิงประตูจากจุดโทษ 13 ลูกจาก 14 ครั้งหลังสุดในเกมเมืองผู้ดี
– ไรอัน บาเบล กลายเป็นนักเตะคนแรกยิงให้กับ ลิเวอร์พูล และซัดประตู “หงส์แดง ในเกมพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ที่ คริสติย็อง เบนเตเก้ อดีตแข้ง “หงส์แดง” เคยทำได้เมื่อเดือนเมษายน 2017

– ซาดิโอ มาเน่ ยิงไปแล้ว 9 ประตูสำหรับปี 2019 ในเกมลีกเมืองผู้ดีให้กับ ลิเวอร์พูล โดยทำได้เท่ากับ เซร์คิโอ อเกวโร่ หัวหอกแมนเชสเตอร์ ซิตี้
– มาเน่ เป็นนักเตะชาวเซเนกัลที่ยิงประตูมากที่สุดในลีกฤดูกาลเดียว หลังตอนนี้เขายิงไปแล้ว 17 ประตูแซงหน้า เดมบา บา ที่ตะบันไป 16 ประตูในฤดูกาล 2011-12
– ผ่านไป 31 เกม ลิเวอร์พูล ทำแต้มแซงทั้งฤดูกาลที่แล้ว(75 คะแนน) จากชัยชนะ 23, เสมอ 7 และแพ้แค่เกมเดียว โดยตอนนี้พวกเขาทำแต้มไปแล้ว 76 คะแนน และมีเพียงแค่ 4 ฤดูกาลที่ “หงส์แดง” ทำได้ดีกว่านี้จาก 28 ฤดูกาลนับตั้งแต่เปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีก
– 18 จาก 70 ประตูในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีของ ลิเวอร์พูล เกิดขึ้นในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกมในฤดูกาลนี้

”ต๋อง”แทงคมกริบผงาดแชมป์สอยคิวพี80-ทรู สงขลา คัพ

ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” รัชพล ภู่โอบอ้อม จอมคิวขวัญใจชาวไทย และแชมป์ประเทศไทยปี 61 แทงได้คมกริบ ทิ่ม ”เปา โพธิ์สามต้น” สุชาติ สุขเลี่ยม ไปแบบขาดลอย 4-1 เฟรม ผงาดคว้าแชมป์สอยคิว ”พี80-ทรู สงขลา คัพ” รายการที่ 2 ที่หาดใหญ่ไปครอง ฟันเงิน 2 แสนบาท ”ต๋อง” ปลื้มแชมป์นี้ไม่คาดหวังแต่ทำได้ ขอสร้างผลงานต่อศึกไชน่า โอเพ่น ที่จีน
การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพเก็บสะสมคะแนน ประจําปี 2562 รายการที่ 2 พี80-ทรู ไทยแลนด์ เซอร์กิต P80-True Songkhla Cup 2019 ที่โรงแรมทีอาร์ ร็อค ฮิลล์ จังหวัดสงขลา ชิงเงินรางวัลรวม 1,134,000 บาท เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา เข้าสู่วันสุดท้ายของการชิงชัย โดยมี นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มาเป็นประธานมอบรางวัล พร้อมด้วย นายพรรณภพ อุ่นเสียม ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4 และ นายสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ร่วมในพิธีมอบรางวัล ซึ่งรอบชิงชนะเลิศแข่งในระบบ 4 ใน 7

โดยเป็นการพบกันระหว่าง ”ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” รัชพล ภู่โอบอ้อม นักสนุ้กขวัญใจชาวไทย อดีตมืออันดับ 3 ของโลก และแชมป์ประเทศไทย ปี 61 พบกับ ”เปา โพธิ์สามต้น” สุชาติ สุขเลี่ยม จอมคิวมากประสบการณ์ที่ผ่านเข้าชิงเป็นครั้งแรกของชีวิต ซึ่งก่อนแข่งขันทุกเฟรมต๋องจะต้องต่อคู่แข่งขันให้มี 7 แต้ม

โดยเริ่มมาเฟรมแรก เปาสู้ก่อนตบแดงหลุมบนขวาไม่ลง ส่งให้ต๋องได้ส้มหล่นตบแดงหลุมบนซ้าย เดินหน้าเข้าเบรกไม้เดียวแดง 15 ชุด พร้อมตบเหลืองถึงน้ำตาล กำลังจะลบเบรกสูงสุดของ แมน นครปฐม ที่ทำไว้ 135 แต้ม แต่ต๋องไปตบน้ำเงินเบาไปนิดเดียวทำได้แค่เซนจูรีเบรก 121 แต้ม ขึ้นนำ 1-0 เฟรม เข้าเฟรมสอง ต๋องได้เปิดสกอร์ตบแดง 2 ชุดครึ่งนำ 14-7 ขณะที่เปาไม่มีโอกาสได้ตบ เน้นกันอย่างเดียว จนต๋องแทงกันพลาด เปา โพธิ์สามต้น ได้สอยไม้เดียว 2 ชุด นำบ้าง 18-14 พลาดแดงหลุมกลาง ทำให้ไทยทอร์นาโดทิ่มอีก 6 ชุด นำ 46-18 แต่ต๋องมาพลาดแทงฟาวล์ก่อนจ่อแดงหลุมกลางให้สุชาติเดินตบไม้เดียวหมดโต๊ะ แซงชนะ 71-46 ตามมาเสมอ 1-1 เฟรม

เฟรมสาม ทั้งคู่แทงกันอยู่หลายไม้ เปามาตบไม้แรกนำ 20-0 แต่พลาดแทงกันไม่ดี ส่งให้ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ได้ทิ่มม้วนเดียวชนะ 79-20 นำอีกครั้ง 2-1 เฟรม มาเฟรมสี่ เปาแทงปิดได้ดี ไม่เปิดโอกาสให้ต๋องได้ตบง่ายๆ รอจังหวะสองได้ตบทีละไม้ นำ 56-8 แต่ต๋องมาวางสนุ้กได้ 1 ครั้ง พร้อมตบแดงหลุมกลางไล่เก็บแดง 4 ชุดสุดท้ายพร้อมตบสีหมดโต๊ะล้นชัย 67-56 ขึ้นแท่นนำ 3-1 เฟรม เข้าเฟรมห้า ต๋องเปิดสกอร์ได้ก่อนตบเบรก 40 แต้ม ขณะที่เปาเริ่มเป๋แทงแดงไม่ลง คราวนี้ ต๋อง ศิษยฉ่อย แทงปิดเกมชนะไปสบาย 109-11 จบเกม รัชพล เอาชนะไปขาดลอย 4-1 เฟรม 121-7, 46-71, 79-20, 67-56, 109-11 คว้าแชมป์ สนุกเกอร์ พี80-ทรู สงขลา คัพ ไปครอง รับเงินรางวัล 200,000 บาท ส่วน สุชาติ สุขเลี่ยม รองแชมป์รับ 80,000 บาท และรางวัลเบรกสูงสุด ”แมน นครปฐม” ธนวัฒน์ ถิรพงศ์ไพบูลย์ ทำได้ 135 รับ 20,000 บาท

”ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” กล่าวหลังคว้าแชมป์ว่า วันนี้ตนดีใจที่ได้แชมป์อีกครั้ง มาแข่งที่นี่ไม่คาดหวังว่าจะเป็นแชมป์ เพราะต่อคู่แข่งขัน 7 แต้ม ทำให้ต้องเหนื่อยหน่อย แต่เมื่อมีโอกาสตนก็สามารถทำได้ รู้สึกมีความสุขมาก หลังจากนี้วันที่ 30 มีนาคมตนจะเดินทางไปแข่งขันไชน่า โอเพ่น ต่อทันที ซึ่งแชมป์นี้ถือเป็นกำลังใจอย่างดีที่จะสู้ต่อเพื่อชัยชนะต่อๆ ไป

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น