ฟรีคิกเฉียบ! ลากาแซตต์ ยิงชัยส่ง อาร์เซน่อล บุกเชือด นาโปลี เข้ารอบรองฯยูโรปา

ลากาแซตต์ ซัดฟรีคิกประตูโทนสุดสวยช่วย “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล บุกย้ำแค้นเฉือนชัยเหนือ นาโปลี 1-0 รวมผลสองนัดผ่านเข้ารอบต่อไปสบาย ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง) เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา

นาทีที่ 9 อาร์เซน่อล ขึ้นเกมรุกมาทางฝั่งซ้าย อารอน แรมซี่ย์ โดนกระแทกล้มลงในเขตโทษแต่ผู้ตัดสินเมินเฉยโดยมองว่า แรมซี่ย์ ล้มง่ายเกินไปและแข้งนาโปลีเบียดแย้งเจตนาเล่นที่บอล

เลยมาถึงนาทีที่ 24 นาโปลี ส่งบอลเข้าไปกองก้นตาข่ายโดย อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค หลุดไปชิพบอลผ่านตัว ปีเตอร์ เช็ก แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเป็นลูกล้ำหน้าเจ้าถิ่นพลาดประตูขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 28 นาโปลี ได้ลุ้นอีกครั้ง พิโอเตอร์ ซีลินสกี้ โดยบอลไปให้ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิ ล้มตัวโขกโล่งๆ แต่ทิศทางไม่ดีเหินข้ามคานออกไป

ผ่านมาถึงนาทีที่ 36 อาร์เซน่อลได้ประตูขึ้นนำจนได้ 1-0 จากลูกฟรีคิกกลางกรอบเขตโทษระยะประมาณ 25 หลา เป็น อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ รับหน้าที่สังหารปั่นบอลโค้งอ้อมกำแพงเสียบโคนเสาเข้าไปอย่างสวยงาม

นาทีที่ 34 อารอน แรมซี่ย์ ได้รับบาดเจ็บหนักเล่นต่อไม่ไหว อาร์เซน่อลต้องเปลี่ยน เฮนริค มคิทาร์ยาน ลงเล่นแทน

นาที่ที่ 39 ลากาแซตต์ หลุดขึ้นไปเปิดบอลทางฝั่งซ้ายเลยออกเสาไกลไปหน้าตาเฉย โดยที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง วิ่งเข้ามาที่จุดนัดหมายไม่ทัน

นาทีที่ 41 นาโปลี โหมบุกขึ้นมาอีกครั้ง และได้ลุ้นจากลูกโหม่งของ โฆเซ่ กาเยฆอน แต่ยังคุมน้ำหนักและทิศทางไม่ได้บอลเหินข้ามคานไปไกล

นาทีถัดมายังคงเป็นนาโปลี ลอเรนโซ่ อินซินเย่ เปิดบอลโด่งสุดเส้นฝั่งซ้ายเลยมาเข้าทาง โฆเซ่ กาเยฆอน หวดเต็มข้อแบบไม่จับแต่ทิศทางยังคงไม่ได้บอลหลุดออกข้างเสาไปอีกครั้ง

จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล บุกมานำ นาโปลี เจ้าถิ่น 1-0 โดยสถิติการครองบอลเป็น นาโปลี ที่ดีกว่าถึง 61 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ อาร์เซน่อล ทำได้เพียง 39 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น

ครึ่งหลังนาทีที่ 47 เป็นนาโปลี ที่โหมบุกอย่างหนักได้ลุ้นบวกสกอร์ 24 กระชากไปสุดริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนส่งย้อนมาให้ 8 วิ่งเข้ามาซัดข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 58 ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง หวิดทำประตูให้ทัพปืนโตได้แต่ไม่ผ่านมือ อเล็กซ์ เมเร็ต ที่ป้องกันได้ดีกว่า

นาโปลี ยังคงเป็นฝ่ายที่ครองเกมได้มากกว่า นาทีที่ 66 อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค ได้กลับตัวยิงในเขตโทษแต่ไปติดแข้งทีมเยือนกลายเป็นลูกเตะมุม

ท้ายเกมอาร์เซน่อล ได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้ายริมเส้นกรอบประตู เฮนริค มคิทาร์ยาน ยิงข้ามคานออกไป

จบเกม อาร์เซน่อล บุกมาย้ำชัยเหนือ นาโปลี 1-0 รวมผลสองนัดทัพปืนโตผ่านเข้ารอบต่อไปสบายหายห่วงด้วยสกอร์ 3-0

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
นาโปลี (4-4-2) : อเล็กซ์ เมเร็ต – ฟาอูซี่ กูล็อม (มาริโอ รุย น.71), วลาด ชิริเชส, คาลิดู คูลิบาลี่, นิโกล่า มาร์กซิโมวิค (ดรีส์ เมอร์เท่นส์ น.46) – โฆเซ่ กาเยฆอน, อัลลัน, ฟาเบียน รูอิซ, พิโอเตอร์ ซีลินสกี้ – ลอเรนโซ่ อินซินเย่ (อามิน ยูเนส น.61), อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค

อาร์เซน่อล (3-4-1-2) : ปีเตอร์ เช็ก – โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, อิ๊กนาซิโอ มอนเรอัล – เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส, กรานิต ชาคา (โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ น.61), ลูคัส ตอร์เรยร่า, เซอัด โคลาซินัช – อารอน แรมซี่ย์ (เฮนริค มคิทาร์ยาน น.34) – ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง, อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ (อเล็กซ์ อิโวบี้ น.68)

เดอ บรอยน์เดือด-ซนดุ! ตัดเกรดนักเตะนัดสเปอร์สบุกดับฝันแมนซิตี้

แมนฯซิตี้ สู้ไม่ถอยแม้จะต้องเสียเปรียบเรื่องอเวย์โกล์ แต่พวกเขาก็สามารถยิงแซงได้ อย่างไรก็ตามแค่จังหวะเดียว สเปอร์ส สามารถพลิกเกมจากนักเตะสำรองส่งให้ทีมเข้ารอบรองชนะเลิศ มีหนึ่งแข้งเกมนี้ที่ได้คะแนนไปถึง 9 แต้ม จากฟอร์มสุดเทพ เป็นคนไหนจากทีมไหนไปดูกัน

แมนฯ ซิตี้

เอแดร์ซอน โมราเอส 6.5
ประตูที่เสียทั้งหมดคงโทษเขาไม่ได้ มีจังหวะเซฟลูกยิงของ ยอเรนเต้

ไคล์ วอล์คเกอร์ 7
เปิดพื้นที่ให้ ซน ฮึง-มิน เล่นง่าย เกมรับอาจจะไม่แน่น แต่ช่วยเติมเกมบุกได้ดีตลอด

แว็งซ็องต์ ก็อมปานี 7.5
หลังจากเสียสองประตูช่วงต้นเกม เขาก็ช่วยป้องกันเกมรับได้ค่อนข้างเยอะ เคลียร์จังหวะสำคัญได้ตลอด

เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ 4
เป็นคนทำพลาดประตูแรก และเป็นคนประกบ ยอเรนเต้ พลาดในประตูสุดท้าย

เบนฌาแม็ง เมนดี้ 7
คุมเกมฝั่งซ้ายได้เยี่ยม เติมเกมรุกได้หลายจังหวะ แต่เกมรับยังมีผิดพลาดอยู่บ้าง

เควิน เดอ บรอยน์ 9
เจ้าพ่อแอสซิสต์ของแท้ จ่ายให้เพื่อนร่วทีมทำประตูไป 3 ครั้ง แถมการพาบอลขึ้นหน้าของเขาสร้างปัญหาให้แนวรับสเปอร์สมาก

อิลคาย กุนโดกัน 7
แม้เกมรับในนัดนี้อาจจะทำได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง แต่มีส่วนสำคัญในเกมรุกโดยเฉพาะประตูที่ 4 เขาเป็นคนเริ่มทำเกม

ดาบิด ซิลบา 6.5
อาจจะเล่นได้ตามมาตรฐาน แต่ไม่ได้โดดเด่นเท่าแนวรุกคนอื่น

ราฮีม สเตอร์ลิง 8
ทำสองประตูตั้งแต่ต้นเกม ทำให้ตลอดทั้งเกมดูมั่นใจ น่าเสียดายกับประตูในช่วงทดเจ็บ

เซร์คิโอ ”กุน” อเกวโร่ 8
ทำแอสซิสต์ให้ ดาบิด ซิลบา ก่อนจะมาซัดประตูสำคัญในครึ่งหลัง น่าเสียดายประตูเขากลายเป็นประตูไร้ความหมาย

แบร์นาร์โด้ ซิลวา 7.5
สร้างปัญหาให้แนวรับ สเปอร์ส ได้เยอะ ยิงประตูตีเสมอช่วงต้นเกม เป็นคนเริ่มทำเกมในประตูที่สาม

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

แฟร์นานดินโญ่ 6 (ลงมาแทน ดาบิด ซิลบา น.63)
มีตัดเกมสวยๆอยู่บ้าง

เลรอย ซาเน่ – (ลงมาแทน เบนฌาแม็ง เมนดี้ น.84)
ลงมาท้ายเกมแล้ว

สเปอร์ส

อูโก้ โยริส 7.5
หมดสิทธิ์รับลูกยิงทุกลูกที่เสีย แต่ก็ช่วยทีมเซฟประตูค่อนข้างเยอะ

คีแรน ทริปเปียร์ 5
โดน ราฮีม สเตอร์ลิง ปั่นป่วนค่อนข้างมาก โดนโยกหลอกง่ายๆในประตูแรกแถมปล่อยให้ยิงประตูที่สองง่ายๆ

โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ 7
เจองานหนักตลอดทั้งเกม มีบล็อคลูกยิงสำคัญของ อเกวโร่ ฟอร์มโดยรวมยังถือว่าใช้ได้

แยน แฟร์ต็องเก้น 6.5
หยุด อเกวโร่ ยิงประตูที่ 4 ไม่ได้ ฟอร์มมาดีในช่วง 15 นาทีสุดท้ายที่ทีมป้องกันเกมบุกพายุของ แมนฯซิตี้

แดนนี่ โรส 6
โชคร้ายกับลูกยิงแฉลบมาโดนเขาเข้าประตู มีจังหวะตัดบอลสวยๆอยู่บ้าง

มุสซ่า ซิสโซโก้ 5.5
ประกบผู้เล่น เดอ บรอยน์ ค่อนข้างห่างเลยทำให้เสียประตูแรก มีช่วยเกมรับได้บ้าง โชคร้ายได้รับบาดเจ็บจนต้องเลี่ยนตัว

วิคเตอร์ วานยาม่า 6
งานชุกพอสมควรกับการับมือเกมบุก แมนฯซิตี้ บางจังหวะตัดเกมเยี่ยมและนิ่ง แต่บางจังหวะก็ผิดพลาด

คริสเตียน เอริคเซ่น 6.5
จัดแอสซิสต์ให้ ซน ฮึง-มิน ช่วงต้นเกมแทบเป็นศูนย์กลางในการทำเกมรุก แต่หลังจากนั้นการมีส่วนร่วมกับเกมน้อยลงไป

เดเล่ อัลลี่ 6
มีส่วนสำคัญในการได้ประตูตีเสมอช่วงต้นเกม แต่โดน แมนฯซิตี้ บีบบังคับให้เล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ เจอ เดอ บรอยน์ เผาเครื่องหลายครั้ง

ลูคัส มูร่า 7
มีส่วนสำคัญในประตูที่สอง การวิ่งและเคลื่อนที่ของเขาทำได้ยอดเยี่ยม แต่ฟอร์มหายไปในครึ่งหลัง

ซน ฮึง-มิน 8
เปิดเกมด้วยการยิงสองประตูสุดสวย ปั่นป่วนแนวรับ แมนฯซิตี้ ได้เกือบทั้งเกม

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

เฟร์นานโด ยอเรนเต้ 6.5 (ลงมาแทน มุสซ่า ซิสโซโก้ น.41)
อาจจะไม่ได้มีส่วนกับเกมมาก แต่ก็ลูกโหม่งไว้ใจเขาได้ มีโหม่งเตือนกองหลังแมนฯซิตี้ ก่อนจะทำประตูสำคัญพาทีมเข้ารอบ

เบน เดวิส – (ลงมาแทน ลูคัส มูร่า น.82)
ลงมาช่วยเกมรับเป็นส่วนใหญ่

ดาวินซอน ซานเชซ – (ลงมาแทน แดนนี่ โรส น.90+1)
ลงมาท้ายเกมแล้ว

ไร้ปาฎิหาริย์ที่คัมป์นู! เมสซี่โชว์เบิ้ล บาร์เซโลน่าย้ำชัยอัดแมนยูยับ ลิ่วตัดเชือกชปล.

เมสซี่ ขยี้แนวรับปีศาจแดงเละเทะเมื่อจัดการสองประตูก่อนพา บาร์เซโลน่า เปิดคัมป์นูไล่ถลุงเอาชนะไปได้ 3-0 รวมผลสองนัดผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศด้วยประตูรวม 4-0 โดยจะเข้าไปพบผู้ชนะระหว่าง ปอร์โต้ หรือลิเวอร์พูล ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ8ทีมสุดท้าย นัดสอง เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา

สนาม : คัมป์ นู, ประเทศสเปน (ผลการแข่งขันนัดแรก บาร์เซโลน่า ชนะ 1-0)

ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง วันอังคารที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า กลับมาเฝ้ารังเปิดคัมป์ นู รับการมาเยือนของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังนัดแรกที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด “เจ้าบุญทุ่ม” บุกไปคว้าชัยมาก่อน 1-0

เกมนี้ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ยังยึดขุมกำลังชุดเดิมแนวรุกใช้สามประสานตัวเก่งทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และฟิลิปเป้ คูตินโญ่

ส่วนทางฝั่ง “ผีแดง” เกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือของแมนฯยูไนเต็ด บินมาให้กำลังใจแข้งปีศาจแดงถึงคัมป์นู โดยเกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้รับข่าวดีหลังได้ทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ และเนมานย่า มาติช หายเจ็บกลับมาช่วยทีม แต่เกมนี้เป็นแค่สำรองไปก่อนเช่นเดียวกับ โรเมลู ลูกากู โดยสามประสานแนวรุกใช้ เจสซี่ ลินการ์ด, มาร์คัส แรชฟอร์ด และอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ส่วนแนวรับ ลุค ชอว์ ที่ติดโทษแบนวันนี้โยกเอา แอชลี่ย์ ยัง มาประจำการแทน แล้วส่ง ฟิล โจนส์ เล่นแบ็กขวา

เกมเปิดฉากมาได้แค่ 39 วินาที “ปีศาจแดง” เกือบได้ประตูขึ้นนำไปก่อน เมื่อ ปอล ป็อกบา แทงบอลให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้าไปจิ้มด้วยหัวเกือกขวาบอลพุ่งชนคานออกหลังไป

นาที 9 ลินการ์ด ได้บอลตรงกลางสนามก่อนไหลให้ ป็อกบา ลองชิพบอลไกลกว่า 40 หลา แต่บอลลอยโด่งหลุดหลังออกไปแบบไม่ได้ลุ้น

กระทั่ง นาที 11 แฟนผีแดงเงียบกันกริบหลัง เฟลิกซ์ บรีช ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษแก่เจ้าถิ่นหลัง อีวาน ราคิติช โดนเฟร็ดเข้ามาฟาวล์ด้านหลังในเขตโทษ ก่อนเชิ้ตดำจะขอดู VAR ข้างสนามก่อนวิ่งมาแล้วเปลี่ยนคำตัดสินไม่ให้จุดโทษแก่บาร์ซ่า หลังภาพช้าเห็นได้ชัดว่า เฟร็ด เข้าไปถึงบอลก่อนราคิติชจะล้มตัวลง

แต่แล้วอีก 5 นาทีต่อมา บาร์เซโลน่า ก็ชิงขึ้นนำ 1-0 จนได้ จากจังหวะเคลียร์บอลไม่ขาดของ แอชลี่ย์ ยัง ที่สกัดบอลไปติดแข้งเจ้าถิ่นก่อนบอลจะกระดอนมาเข้าทาง เมสซี่ ยกหลบ แอชลี่ย์ ยัง ก่อนหลบ เฟร็ด ลากตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยซ้ายหน้าหัวกระโหลกกว่า 20 หลา บอลพุ่งหนีมือ เด เคอา เสียบมุมตาข่ายอย่างสวยงาม

จากไม่กี่อึดใจ นาที 20 เจ้าถิ่นฉีกนำห่างเป็น 2-0 เมสซี่ ฉกบอลได้ก่อนถึง เฟร็ด ก่อนลากผ่าน ฟิล โจนส์ เข้าไปยิงด้วยเท้าขวาข้างไม่ถนัด บอลพุ่งไม่หนีมือ เค เคอา แต่นายทวารมือหนึ่งทีมชาติสเปนดันรับบอลพลาดปลิ้นทะลักเข้าประตูไป เป็นประตูที่สองในเกมนี้มีลุ้นแฮตทริก และเป็นประตูที่ 10 นำดาวซัลโวของแชมเปี้ยนส์ลีก

เกมผ่านไป 30 นาที ด้วยสกอร์ที่นำห่าง 2-0 ทำให้เจ้าถิ่นเล่นได้ง่ายขึ้น ครองบอลได้มากกว่า ตรงกันข้ามแข้งผีแดงความมั่นใจกลับลดน้อยลงไป ปั้นเกมแทบไม่ถึงหน้าปากประตูเหมือนช่วง 10 นาทีแรก

นาที 38 แมนยู ได้ตอบโต้บาง คราวนี้ ลินการ์ด ให้บอล ปอล ป็อกบา ก่อนห้องเครื่องดีกรีแชมป์โลกจะซัดนอกกรอบแต่บอลพุ่งไปเข้ามือ มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น รับไว้ได้ไม่มีปัญหา

นาที 42 “ปีศาจแดง” มาได้ฟรีคิกระยะกว่า 30 หลา มาร์คัส แรชฟอร์ด สาวเท้าวิ่งมายิงเต็มแรงแต่บอลพุ่งไม่ผ่านกำแพง

ช่วงทดเจ็บก่อนหมดครึ่งแรก เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูที่สาม หลัง เมสซี่ พาบอลโยกหลอก ฟิล โจนส์ แล้วจ่ายเร็วให้ จอร์ดี้ อัลบา ปาดบอลไปเสาสองถึง แซร์จี้ โรแบร์โต้ แบ็กขวาที่เติมมาสไลด์ตัวยิงบอลจะข้ามเส้นอยู่แล้วแต่ เด เคอา ยังตามเซฟบนเส้นปัดออกมาได้

จบครึ่งแรก บาร์เซโลน่า ขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 สกอร์รวมสองนัดตอนนี้ “เจ้าบุญทุ่ม” นำห่าง 3-0

ครึ่งหลัง กลับมาเล่นได้แค่สองนาที นาที 47 เมสซี่ เกือบพังแฮตทริกในเกมนีได้สำเร็จ หลังวิ่งมาอัดด้วยซ้ายจากลูกเปิดของ ซัวเรซ บอลไปแฉลบขาแอชลี่ย์ ยัง ออกหลังแบบได้ลุ้น

จนแล้วจนรอด นาที 61 บาร์เซโลน่า มาได้ประตูนำห่าง 3-0 บอลจาก เมสซี่ ที่เก็บบอลกลางสนามแล้วขวางยาวมาให้ จอร์ดี้ อัลบา แตะบอลจังหวะเดียวให้ คูตินโญ่ ก่อนจะตะบันนอกกรอบปั่นบอลโค้งหนีมือ เด เคอา เสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้ประตูรวมตอนนี้ บาร์ซ่า หนีห่างเป็น 4-0

อีก 4 นาทีถัดมา สกอร์เกือบเปลี่ยนอีกครั้ง จากจังหวะที่แนวรับ แมนฯ ยูไนเต็ด สกัดบอลไม่ขาดในเขตโทษตัวเอง เมสซี่ ตีลังกายิงหลุดกรอบออกไป

นาที 65 โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เปลี่ยนตัวคนแรก ถอดเอา อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล แล้วส่ง ดีโอโก้ ดาโลต์ ลงไปเล่นแทน

นาที 71 เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่นที่เปลี่ยนตัวบ้างเอา เนลสัน ซาเมโด้ ลงเล่นแทนแซร์จี้ โรแบร์โต้ ถัดมาอีกสองนาที “ปีศาจแดง” เอามาร์คัส แรชฟอร์ด ออกแล้วส่ง โรเมลู ลูกากู ลงเล่นแทน

อาคันตุกะแทบจะบุกไปขึ้น เจาะแนวรับบาร์เซโลน่าไม่ได้เลย นาที 78 เจสซี่ ลินการ์ด ได้ลองยิงไกลกว่า 30 หลา แต่ยังไม่ดีพอบอลพุ่งเหินคานไปแบบหมดลุ้น

นาทีสุดท้าย แมนฯยูฯ เกือบได้ลูกตีไข่แตก ดีโอโก้ ดาโลต์ ครอสบอลมาให้ อเล็กซิส ซานเชซ โขกเต็มหัวแต่บอลยังไม่ผ่าน มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น ปัดออกหลังไปได้

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม บาร์เซโลน่า เปิดบ้านไล่ต้อนเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้อย่างขาดลอย 3-0 รวมผลสองนัดผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ ด้วยประตูรวม 4-0 โดยจะเข้าไปพบผู้ชนะระหว่าง ปอร์โต้ หรือ ลิเวอร์พูล

รายชื่อนักเตะที่ลงสนาม

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น – แชร์จี้ โรแบร์โต้ (เนลสัน ซาเมโด้ น.71), เคราร์ด ปีเก้, เกลมงต์ ล็องก์เล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา – อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อาร์เธอร์ (อาร์ตูโร่ วิดาล น.75) – ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (อูสมาน เดมเบเล่ น.81)

เทรนเนอร์ : เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้

แมนฯ ยูไนเต็ด (4-3-3) : ดาบิด เด เคอา – ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แอชลี่ย์ ยัง – สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด, ปอล ป็อกบา – เจสซี่ ลินการ์ด (อเล็กซิส ซานเชซ น.80), มาร์คัส แรชฟอร์ด (โรเมลู ลูกากู น.73), อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล (ดีโอโก้ ดาโลต์ น.65)

ยิงแค่นอกสนาม! นางแบบแฉซานเชซเจ้าชู้ตัวพ่อ เมียร์ธ่าโซซ่า

เมียร์ธ่าโซซ่า นางแบบสาวสุดเอ็กซ์ แฉสนั่น อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โกหกเก่งยิ่งกว่ายิงประตู เพราะขณะที่พยายามแจกขนมจีบเธอ ก็แอบคั่วกิ๊กเอาไว้ในสต๊อกเพียบ พร้อมระบุปฏิเสธไปอังกฤษตามคำเชิญของเจ้าตัว เนื่องจากไม่อยากเป็นแค่ยางอะไหล่คลายเหงาชั่วข้ามคืนเหมือนสาวๆ คนอื่น
เมียร์ธ่า โซซ่า นางแบบสุดเซ็กซี่ชาวปารากวัย ตราหน้า อเล็กซิส ซานเชซ หัวหอกฟอร์มฝืด “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นพวก “เสือผู้หญิง” ตัวพ่อ หลังจากเธอแฉสนั่นว่า ดาวเตะชาวชิลี โหมกระหน่ำโทรหาเธอตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน แต่ดันคบซ้อนสาวอีกหลายคน

โซซ่า ซึ่งมีคนติดตามอินสตาแกรมกว่า 96,000 ฟอลโลว์ เผยว่าตอนที่คบกับ อดีตกองหน้า “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า และ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ซึ่งเขาได้เชิญเธอไปที่ประเทศอังกฤษ ได้รู้ความจริงที่หลังว่า ซานเชซ ไม่ได้คุยกับเธอแค่คนเดียว เพราะเขามีกิ๊กอีกหลายคนในเวลาเดียวกัน

โมเดลสาวพราวเสน่ห์ เผยว่า “เขาขอเบอร์โทรศัพท์ฉัน เราเริ่มส่งข้อความ และเราก็ได้รู้จักกันและกันมากขึ้น เราวีดิโอคอลหากัน และฉันก็เริ่มสนใจเขา เพราะฉันเชื่อใจเขา และสุดท้ายเขาก็โกหก เขาส่งตั๋วเครื่องบินมาให้ฉันเพื่อเดินทางไปหาเขา แต่ฉันไม่ไป”

“ฉันบอกกับเขาว่าถ้าฉันไป ก็ต้องในฐานะคนที่พร้อมจะเปิดเผยต่อสาธารณชน และสื่อ ฉันไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้หญิงจำนวนมากที่เคยเดินทางไปที่นั่นเพื่อชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น และมันก็แค่นั้นแหละ” นางแบบสาวเลือดปารากวัย กล่าวทิ้งท้าย

รู้ไว้ซะ!ซาลาห์ เผยที่มาที่ไปท่าดีใจสุดเท่

ซาลาห์ ดาวเตะตัวเก่ง ลิเวอร์พูล เผยถึงที่มาที่ไปของท่าดีใจของเขาหลังจากยิงประตูให้ทีมในแมตช์ชนะ เชลซี 2-0 เกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวชม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่มีส่วนสำคัญสำหรับประตูสุดสวยของเขาด้
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าตัวเก่ง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เผยเหตุผลเกี่ยวกับท่าดีใจของเขาที่แสดงให้เห็นหลังจากทำประตูช่วยทีมไล่ทุบ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 2-0 ที่สนามแอนฟินด์ เกมพีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา

สตาร์ลูกหนังชาวอียิปต์ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในแมตช์นี้ โดยเฉพาะจังหวะซัดไกลสุดงามบอลพุ่งแหวกอากาศผ่านมือ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า นายทวารค่าตัวแพงระยับ เข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ จากนั้น “โม ซาลาห์” ก็วิ่งไปแสดงความยินดีกับกองเชียร์ พร้อมกับทำท่ายืนกระต่ายขาเดียวและพนมมือ ซึ่งแน่นอนว่าทำหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาต้องการสื่ออะไรจากท่านี้

ซาลาห์ เปิดใจกับ เจมี่ เร้ดแน็ปป์ อดีตดาวเตะ “หงส์แดง” ซึ่งทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์เกมให้กับช่องสกาย สปอร์ต ว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ในใจผมบอกให้ทำท่านี้ทันที ผมก็แค่ทำท่าโยคะ”

นอกจากนี้ ซาลาห์ ยังกล่าวชื่นชม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่วิ่งหลบทำให้ตนมีพื้นที่ตัดเข้าไปด้านในและยิงประตูสุดสวย “ปกติแล้วผมตัดเข้ามาด้านใน แล้วก็ยิงประตูแต่บอลมันก็จะพุ่งเข้าหาผู้รักษาประตู ครั้งนี้ผมตัดสินใจยิงเหมือนเดิม เพราะมันไกล แถมบอลยังแกว่งไปมาด้วยความแรง ผมโชคดีนิดหน่อยที่บอลมันพุ่งเข้าไปในตาข่ายแบบนั้น !”

“เฮนโด้ ทำงานของเขาได้อย่างสุดยอดซึ่งทำให้ผมเล่นได้ดีง่ายยิ่งขึ้น แน่นอนว่าเขามีส่วนกับประตูนี้ นี่เป็นส่วนหนึ่งในงานของเราตอนที่ฝึกซ้อม ผมคิดว่าทุกอย่างมันเหมาะเจาะลงตัวพอดิบพอดี” อดีตดาวเตะ โรม่า และ เชลซี กล่าวทิ้งท้าย

เลิกซอยยิก! ปอลป็อกบา เผยเหตุเปลี่ยนสไตล์ยิงจุดโทษ

ปอลป็อกบา มิดฟิลด์ แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความแปลกใจด้วยการยิงจุดโทษแบบปรกติในเกมที่ชนะ เวสต์แฮม 2-1 ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเฉลยว่าสาเหตุที่ทำแบบนั้นเป็นเพราะรู้แล้วว่าการทำประตูให้ได้มันสำคัญกว่าท่ายิง พร้อมยิงมุกว่าที่กลับมายิงแบบธรรมดาอาจจะเป็นการหลอกคู่แข่งไปด้วย
ปอล ป็อกบา กองกลางคนดังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเผยว่าสาเหตุที่ตนเปลี่ยนสไตล์การยิงลูกจุดโทษมายิงเหมือนคนปรกติในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ต้นสังกัดเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เฉือนชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา เป็นเพราะตนได้รับบทเรียนแล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทำประตูให้ได้

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเมื่อไหร่ก็ตามที่ ป็อกบา รับหน้าที่ยิงจุดโทษ เขามักจะซอยเท้ารัวๆ ซึ่งมีบางคนที่ไม่ชอบสไตล์แบบนี้ของเขาเท่าไหร่ แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ป็อกบา ทำให้หลายคนแปลกใจ หลังจากเขายิงจุดโทษแบบธรรมดาๆ ซึ่งเขาก็ทำประตูให้ทีมได้

เลสเตอร์ลุ้นเฮ5นัดติด! “วาร์ดี้” พร้อมยิง,นิวคาสเซิ่ลยังเสี่ยงตกชั้น

วาร์ดี้ พร้อมปิดสกอร์ เกมรับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ที่ยังไม่ปลอดภัยในการอยู่รอดลีกสูงสุด ลุ้นระทึกได้ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันศุกร์ที่ 12 เม.ย. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 1, เวลา : 02.00 น.

สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พาทีม ”สุนัขจิ้งจอก” อยู่สูงถึงอันดับ 7 หลังจากโชว์ฟอร์มฮอตชนะ 4 เกมติดต่อกันโดยฟอร์มล่าสุดพวกเขาบุกถล่ม ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ถึง 4-1 กันเลยทีเดียว

เรียกว่ากำลังอยู่ในช่วงผลงานดีสุดของซีซั่นนี้เลยทีเดียว หลังมีการปรับเปลี่ยนผู้จัดการทีม

ส่วนสภาพทีมคาดว่า บีร็อด จะยังปราศจาก มาร์ค อัลไบรท์ตัน ตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้ายยังคงไม่สามารถช่วยทีมได้เพราะเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า เช่นเดียวกับ แดเนียล อามาร์ตี้ย์ ที่เจ็บยาวอีกรายหนึ่งด้วย

อย่างไรก็ตาม เลสเตอร์ จะมี เจมี่ วาร์ดี้ เป็นหน้าเป้าซึ่งเกมก่อนทำคนเดียว 2 ประตูโดยมี เจมส์ แมดดิสัน, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์, เดมาไร เกรย์ ฯลฯ เป็นตัวสนับสนุน

ฟาก ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ”สาลิกาดง” ทีมอันดับ 15 พาทีมสะดุดไม่ชนะใครมา 3 เกมติดต่อกันเก็บเพิ่มได้แต้มเดียว ล่าสุดแพ้ คริสตัล พาเลซ 0-1 คาถิ่นตัวเอง ทำให้ยังมีความสุ่มเสี่ยงที่ยังกตชั้นไปเดอะแชมเปี้ยนชิพได้ หากว่าฟอร์มแผ่วไม่ฟื้นจริง

อย่างไรก็ตาม นิวคาสเซิ่ล ไม่ได้กดดันอะไรมากนัก เพราะอยู่เหนือ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในโซนตกชั้นถึง 7 คะแนน

ทีมยังไม่สามารถใช้ ฌอน ลองสตัฟฟ์ (เข่า) ที่เจ็บยาวได้เช่นเคย รวมทั้ง ฟลอร็องต์ เลอจูเน่ ปราการหลังที่เจ็บเข่าจากเกมแพ้ พาเลซ ด้วย ซึ่งนัดนั้นเป็น พอล ดัมเมตต์ ที่ถูกเปลี่ยนลงมาแทน

นอกจากนี้ นิวคาสเซิ่ล ยังต้องทดสอบความฟิตของ โมฮาเหม็ด ดิยาเม่ ผู้เล่นมิดฟิลด์อีกรายหนึ่งด้วย

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลสเตอร์ (4-1-4-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – ริคาร์โด เฟไรร่า, เวส มอร์แกน, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, เบน ชิลเวลล์ – วิลฟรีด เอ็นดิดี้ – เดมาไร เกรย์, ยูริ ตีเลม็องส์, เจมส์ แมดดิสัน, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ – เจมี่ วาร์ดี้
ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

นิวคาสเซิ่ล : (5-4-1) : มาร์ติน ดูบราฟก้า – เดอันเดร เยดลิน, ฟาเบียน ชาร์, จามาล ลาสเซลล์, พอล ดัมเมตต์, แมตต์ ริตชี่ – อาโยเซ่ เปเรซ, อิซัค เฮย์เด้น, คี ซุง-ยอง, มิเกล อัลมิร่อน – โซโลมอน รอนดอน
ผู้จัดการทีม : ราฟาเอล เบนิเตซ
ผู้ตัดสิน : คริส คาวานาฟ

เกร็ดเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– เลสเตอร์ เอาชนะได้ตลอด 4 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– เลสเตอร์ เอาชนะได้ 6 จาก 7 นัดหลังสุดที่พบ นิวคาสเซิ่ล รวมทุกรายการ
– เลสเตอร์ มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ถึง 7 จาก 8 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– เลสเตอร์ จะมีสกอร์นำในครึ่งแรก และเอาชนะตอนจบเกมได้ตลอด 3 นัดเหย้าหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– เลสเตอร์ จะยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูต่อเกมตลอด 4 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– นิวคาสเซิ่ล ไม่ชนะเลยตลอด 8 นัดเยือนหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– นิวคาสเซิ่ล จะเสียอย่างน้อย 2 ประตูต่อเกมตลอด 3 นัดเยือนหลังสุดในพรีเมียร์ลีก

ผลการพบกันที่ผ่านมา
วันเดือน/ปี รายการ ผลการแข่งขัน
29/09/18 พรีเมียร์ลีก นิวคาสเซิ่ล 0 – 2เลสเตอร์ ซิตี้
07/04/18 พรีเมียร์ลีก เลสเตอร์ ซิตี้ 1 – 2นิวคาสเซิ่ล
10/12/17 พรีเมียร์ลีก นิวคาสเซิ่ล 2 – 3เลสเตอร์ ซิตี้
15/03/16 พรีเมียร์ลีก เลสเตอร์ ซิตี้ 1 – 0นิวคาสเซิ่ล
21/11/15 พรีเมียร์ลีก นิวคาสเซิ่ล 0 – 3เลสเตอร์ ซิตี้
02/05/15 พรีเมียร์ลีก เลสเตอร์ ซิตี้ 3 – 0นิวคาสเซิ่ล
03/01/15 เอฟเอ คัพ เลสเตอร์ ซิตี้ 1 – 0นิวคาสเซิ่ล

ผลงาน 5 นัดหลัง
เลสเตอร์ ซิตี้
06/04/19 ชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 4-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
30/03/19 ชนะ บอร์นมัธ 2-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
16/03/19 ชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
09/03/19 ชนะ ฟูแล่ม 3-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
03/03/19 แพ้ วัตฟอร์ด 1-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

นิวคาสเซิ่ล
06/04/19 แพ้ คริสตัล พาเลซ 0-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
01/04/19 แพ้ อาร์เซน่อล 0-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
16/03/19 เสมอ บอร์นมัธ 2-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
09/03/19 ชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
03/03/19 แพ้ เวสต์แฮม 0-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

“แรมซี่ย์” ซัดเปิด!อาร์เซน่อลเฮก่อนหลังไล่ต้อนนาโปลีศึกยูโรปาลีก

แรมซี่ย์ ซัดประตูเปิดฝากล่องช่วย “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เปิดบ้านเก็บชัยไว้ได้ก่อนโดยเอาชนะด้วย นาโปลี 2-0 ในศึกฟุตบอล ยูโรปา ลีก (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก) คืนวันวันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา

ครึ่งแรกมาถึงนาทีที่ 12 นาโปลี ได้ลุ้นจากลูกเตะมุมไปเข้าหัว คาลิดู กูลิบาลี่ ที่เติมขึ้นมาลอยตัวโขกโล่งๆ แต่คุมทิศทางไม่ดีบอลเหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 14 อาร์เซน่อล ได้ประตูนำ 1-0 จากจังหวะต่อบอลสุดสวยจากการตัดบอลได้ครึ่งสนามมาถึง อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ ทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนส่งต่อให้ เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์ – ไนล์ส ที่เหมือนจะทรงตัวไม่อยู่แต่ยังล้มตัวผ่านบอลให้ อารอน แรมซี่ย์ วิ่งเข้ามาบรรจงแปแบบไม่จับเล่นทางเข้าเสาไกลโดยที่ อเล็กซ์ เมเร็ต นายด่านนาโปลีพยายามพุ่งปัดสุดเอื้อมแต่ไม่ถึง

เลยมาถึงนาทีที่ 25 ปืนใหญ่ ลั่นกระสุนนำห่าง 2-0 เมื่อ ลูกัส ตอร์เรร่า ตัดบอลจากแข้งนาโปลีได้ แล้วโซโล่เดี่ยวกระชากจึ้ก่อนหักหลอก ฟาเบียน รูอิซ แล้วซัดด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งไปโดน คาลิดู กูลิบาลี่ เปลี่ยนทางเข้าไป อเล็กซ์ เมเร็ต ได้แต่ป้องกันด้วยสายตาเท่านั้นนับว่าเป็นความเก่งผสมกับโชคดีของอาร์เซน่อลอีกด้วย

นาทีถัดมาอาร์เซน่อล ยังได้ใจ โอบาเมย็อง ได้แปเน้นๆ ทางฝั่งซ้ายแต่ไปเข้ามือ อเล็กซ์ เมเร็ต รับไวได้

เลยมาถึงนาทีที่ 39 โอบาเมย็อง ได้ตั้งป้อมส่องหน้ากรอบเขตโทษทีมเยือนบอลทะยานแรงแต่ถูกปฏิเสธโดย อเล็กซ์ เมเร็ต ทีล้มตัวปัดไว้ได้บอลทำท่าจะกระฉอก ลากาแซ็ตต์ เตรียมวิ่งเข้ามาซ้ำดาบสองแต่ เมเร็ต ยังตามไปตะครุบไว้ได้

นาทีที่ 41 นาโปลี ตอบโต้กลับมาบ้าง มาริโอ รุย ส่องไกลด้วยเท้าขวาหน้ากรอบเขตโทษอาร์เซน่อล แต่ทิศทางไม่ดีข้ามคานออกไปไกล

นาทีที่ 44 ทีมเยือนพลาดโอกาสตีตื้นอย่างน่าเสียดายเมื่อ โฆเซ่ กาเยฆอน หลุดขึ้นไปเปิดบอลริมเส้นฝั่งขวาหักข้อย้อนมาถึง ลอเรนโซ่ อินซินเย่ วิ่งเข้ามากดเต็มข้อระยะประมาณ 15 หลากลางประตูแต่ทิศทางไม่ดีบอลเลยโด่งออกไปไกล

จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล เปิดบ้านนำห่าง นาโปลี 2-0

เริ่มครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 53 นาโปลีได้ลุ้นประตู เอลซิด ไฮซาจ ขึ้นโหม่งจากลูกเปิด้านข้างแต่ไม่ค่อยถนัดบอลย้อยทำท่าจะเสียบใต้คานแต่ ปีเตอร์ เช็ก ไม่ปล่อยให้ผ่านมือลอยตัวปัดด้วยปลายมือไว้ได้อย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 58 ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง หลุดขึ้นไปทางฝั่งซ้ายในเขตโทษทีมเยือนก่อนตัดสินใจซัดด้วยเท้าซ้ายแต่โดนแข้งนาโปลียืนขาป้องกันไว้ได้

นาทีที่ 66 อาร์เซน่อล ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นพร้อมกันถึงสองคน โดยถอด อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ และส่ง อเล็กซ์ อิโวบี้ ลงมาแทน อีกคนเป็น เมซุต โอซิล ที่เกมนี้ขุดฟอร์มเก่งไม่ออกโดยส่ง เฮนริค มคิทาร์ยาน ลงเล่นแทน

นาทีที่ 72 นาโปลี พลาดได้ประตูตีไข่แตกอย่างเหลือเชื่อ เมื่อ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ได้โอกาสหลุดขึ้นไปเปิดบอลริมเส้นฝั่งขวาเลยไปถึง ปิโอเตอร์ เซลินสกี้ ที่ไร้แข้งอาร์เซน่อลประตามประกบก่อนเจ้าตัวจะล้มตัวจิ้มบอลโล่งๆ โดยที่ ปีเตอร์ เช็ก ก็ตามป้องกันไม่ทัน แต่เจ้ากรรมบอลดันเหินข้ามคานไปแบบไม่เชื่อสายตาแฟนบอลทั้งสนาม

นาทีที่ 80 อาร์เซน่อล น่าจะได้ประตูนำขาด เมื่อ แรมซี่ ได้จังหวะหวดเต็มข้อบริเวณจุดโทษแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะวางเท้าไม่ดีบอลจึงเหินค้ามขานออกไปแบบน่าเสียดาย

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกม อาร์เซน่อล เปิดบ้านเก็บชัยเหนือ นาโปลี 2-0 แต่ยังคงต้องไปลุ้นต่อนัดสองต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล (3-4-1-2) : ปีเตอร์ เช็ก – นาโช่ มอนเรอัล, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลส – เซอัด โคลาซินัช, อารอน แรมซี่ย์, ลูกัส ตอร์เรร่า (โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ น.77), เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์ – ไนล์ส , เมซุต โอซิล (เฮนริค มคิทาร์ยาน น.66) – อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ (อเล็กซ์ อิโวบี้ น.66), ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง

นาโปลี (4-4-2) : อเล็กซ์ เมเร็ต -เอลซิด ไฮซาจ, นิโคล่า มักซิโมวิช, คาลิดู กูลิบาลี่, มาริโอ รุย – โฆเซ่ กาเยฆอน, อัลลัน, ฟาเบียน รูอิซ (อดัม อูนาส์ น.82), ปิโอเตอร์ เซลินสกี้ – ลอเรนโซ่ อินซินเย่ (อามิน ยูเนส น.82), ดรีส์ เมอร์เท่นส์ (อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค น.66)

เฮแบบหืดจับ! ตัดเกรดแข้ง บาร์เซโลน่า เกมบุกเชือดแมนยู

บาร์เซโลน่า ก็ได้ชัยชนะตามที่ต้องการ หลังบุกไปพิชิต แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อคืนวันพุธที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา ถือความได้เปรียบก่อนกลับไปเตะเลกสองที่ คัมป์ นู กลางสัปดาห์หน้า โดยที่โดดเด่นสุดในเกมนี้ของ บาร์ซ่า คือแนวรับ ซึ่งเล่นได้แข็งแกร่งมากๆ โดยเฉพาะ เคราร์ด ปีเก้ เด็กเก่า “ปีศาจแดง” และนี่คือผลสอบของแข้ง บาร์ซ่า แต่ละคนในเกมนี้
11 ผู้เล่นตัวจริง

– มาร์ค-อังเดร แทร์ ชเตเก้น : 6

แทบไม่ได้ทำอะไรเลยในเกมนี้ เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด มีสถิติยิงตรงกรอบ 0

– เนลสัน เซเมโด้ : 7.5

เล่นได้เด่นทีเดียว เติมเกมรุกได้น่ากลัว และมีจังหวะที่จ่ายบอลให้ ซัวเรซ หลุดเข้าไปเกือบทำประตูได้

– เคราร์ด ปีเก้ : 8

กลับมา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยฟอร์มที่แข็งแกร่งสุดๆ คุมเกมรับได้เยี่ยม และตัดบอลได้สวยๆ หลายครั้ง โดยเฉพาะการสกัดช่วงท้ายเกม

– เกลม็องต์ ล็องเล่ต์ : 6

ยืนตำแหน่งได้ดี แต่จ่ายบอลเสียหลายครั้ง ซึ่งโชคดีที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่คมพอในการจบสกอร์

– จอร์ดี้ อัลบา : 7

เล่นเกมรับได้ดี และมีเติมเกมรุกให้เห็นเมื่อมีโอกาส

– อีวาน ราคิติช : 7

อาจจะไม่โดดเด่น แต่ทำได้ดีในการครองบอล และใช้กำลังสู้กับแดนกลางของ “ปีศาจแดง” ได้เยี่ยม

– เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ : 7

แม้เจอใบเหลืองตั้งแต่ต้นเกม แถมหวิดโดนไล่ออกตั้งแต่ช่วง 20 นาทีแรก แต่โดยรวมถือว่าทำได้ดีเลย แถมการหยอดบอลเข้าในเขตโทษของเขายังนำไปสู่ประตูชัยด้วย

– อาร์ตูร์ : 6

เล่นได้ไม่ค่อยดีนัก ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงกลางครึ่งหลัง

– ลิโอเนล เมสซี่ : 6.5

แม้ไร้สกอร์ และเล่นไม่ถนัด แต่ก็ป่วนแนวรับคู่แข่งได้เป็นระยะในการครองบอล และถือว่ามีส่วนในจังหวะได้ประตูชัย

– ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ : 5.5

มีโอกาสยิงไปติดเซฟ เด เคอา แต่ฟอร์มโดยรวมถือว่าน่าผิดหวัง

– หลุยส์ ซัวเรซ : 7

ขยันขันแข็ง วิ่งไม่มีหยุด และเป็นเพราะเขาที่ทำให้ทีมได้ประตูชัย จากการโหม่งบอลไปโดนตัว ลุค ชอว์ เข้าประตู

สำรองที่ได้ลงเล่น

– อาร์ตูโร่ วิดาล (แทน คูตินโญ่ น. 66) : 6.5

แม้ลงไปทำฟาวล์หลายครั้ง แถมโดนใบเหลืองภายในไม่กี่นาที แต่ก็ถือเป็นหน้าที่ของเจ้าตัวอยู่แล้วที่จะลงไปช่วยเพิ่มความดุดันในแดนกลาง

– เซร์กี้ โรเบร์โต้ (แทน อาร์ตูร์ น. 66) : 6.5

ลงไปช่วยเติมความสดในแดนกลางตามแท็กติก

– การ์เลส อาเลนญ่า (แทน บุสเก็ตส์ 90+3) : –

ไม่สามารถให้คะแนนได้

ไก่จิกเรือจม : ชำแหละ 5 ข้อ สเปอร์ส ฟอร์มแจ่มดับซ่า แมนซิตี้

สเปอร์ส ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อหักปากกาเซียนเฆี่ยน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 1-0 ที่สนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันอังคารที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา
แมตช์นี้ “ไก่เดือยทอง” มาดีเล่นอย่างรัดกุม โดยเฉพาะกองกลางที่ทำหน้าทีได้อย่างดีเยี่ยมทั้ง แฮร์รี่ วิงค์ส กับ มุสซ่า ซิสโซโก้ จัดการแผงมิดฟิลด์ของ แมนฯ ซิตี้ อยู่หมัด ขณะเดียวกัน ซน ฮึง-มิน หัวหอกตัวเก่ง โชว์ทักษะสุดยอดตะบันประตูโทนให้กับต้นสังกัด โดยงานนี้หลายคนยกให้ ดาวยิงกิมจิ ถูกโฉลกกับสนามเหย้าใหม่เพราะซัดไปแล้ว 2 ประตูที่นี่

อย่างไรก็ตาม สเปอร์ส ต้องมีเรื่องน่ากังวลใจอย่างมาก เพราะ แฮร์รี่ เคน หัวหอกตัวความหวัง ดันเกิดได้รับบาดเจ็บที่บริเวณข้อเท้า และตอนนี้ต้องลุ้นว่าอาการจะหนักมากแค่ไหน แน่นอนว่าเรื่องนี้คงทำให้แฟนบอล “ไก่เดือยทอง” วิตกสุดๆ เพราะในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น มีเกมสำคัญหลายแมตช์ที่อาจชี้อนาคตของทีมเลยทีเดียว

1) กิมจิพิฆาต
ซน ฮึง-มิน กองหน้าทีมชาติเกาหลีใต้ ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับการเล่นในสนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม เมื่อเขายิงประตูสำคัญในแมตช์ที่รับมือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้โอกาสได้เข้ารอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก ค่อนข้างสดใส

สำหรับจังหวะสำคัญดังกล่าวอาจดูเหมือนว่า “อาซน” แทบจะหมดโอกาสยิงประตูเพราะในจังหวะแรกเขาจับบอลไม่ค่อยดีนัก และล้นจนเกือบจะออกเส้นหลังประตู แต่ด้วยความขยันผสมกับความรวดเร็วทำให้เจ้าตัววิ่งไปจับบอลได้บนเส้นหลังประตูพอดิบพอดี

จากนั้นก็โชว์สเต็ปด้วยการโยกหลอก ฟาเบียน เดลป์ และวิ่งตัดเข้ากลางก่อนตะบันเต็มข้อบอลผ่านตัว เอแดร์ซอน เข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างงดงาม โดยประตูดังกล่าวเป็นประตูทองที่ทำให้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถือความได้เปรียบในการเล่นเกมแรก รอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก

ตอนนี้ หัวหอกพลังกิมจิ กดไปแล้ว 18 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 40 นัดในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับฤดูกาลก่อนที่ลงเล่นไป 53 นัด นั่นแสดงให้เห็นเขามีพัฒนาการที่ดีเยี่ยมขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น “อาซน” มีส่วนสำคัญในช่วงที่ เคน ไม่อยู่ เพราะเขายิงไป 5 จาก 6 ประตูหลังสุดตอนที่ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ รักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ

2. เคน เดี้ยงอีกแล้ว
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเมื่อ แฮร์รี่ เคน ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า โดยเขาต้องเดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในอุโมงค์โดยมี 2 สตาฟฟ์โค้ชประจำสโมสรคอยช่วยประคับประคอง ที่สำคัญนักเตะไม่สามารถลงน้ำหนักที่เท้าซ้ายได้เลย

เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นจากความทุ่มเทของ เคน ที่พยายามจะเข้าไปสกัดจังหวะที่ ฟาเบียน เดลป์ จะเปิดบอลบริเวณริมเส้นข้างสนาม จากอาการบาดเจ็บดังกล่างทำให้ มาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ต้องรีบจัดการเปลี่ยนตัว ลูคัส มูร่า ลงมาแทน

สำหรับอาการเดี้ยงของ เคน ซึ่งเหมือนกับอาการเจ็บที่เขาเคยได้รับในเกมลีกแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ และครั้งนั้นทำให้เขาต้องพักนานกว่า 1 เดือน ทำให้ สเปอร์ส ต้องเจอสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมากๆ เพราะอาจจะส่งผลต่อความหวังในการผ่านเข้ารอบรองฯ ถ้วยใบโตยุโรป (แม้ชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 เกมแรก ก็ตาม) รวมไปถึงการลุ้นทำอันดับท็อปโฟร์ในพรีเมียร์ลีกด้วย

3. วิงค์ส กับ ซิสโซโก้ โดดเด่น
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นายใหญ่สเปอร์ส จัดวางแท็คติกได้อย่างดีเยี่ยมในครึ่งแรก โดย แฮร์รี่ วิงค์ส กับ มุสซ่า ซิสโซโก้ ทำหน้าที่แดนกลางได้อย่างเหนียวแน่น และสามารถดวลกับแดนกลางที่สุดหินของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างสุดยอดจริงๆ

วิงค์ส กับ ซิสโซโก้ ทำหน้าที่ประคองเกมแดนกลาง ในขณะที่เกมรุกพวกเขาได้ แฮร์รี่ เคน, คริสเตียน อีริคเซ่น, เดเล่ อัลลี่ และ ซน ฮึง-มิน คอยปั่นป่วนเกมรับของ “เรือใบสีฟ้า” และในที่สุดก็ทำสำเร็จในช่วง เกือบ 15 นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน

ทั้งสองมิดฟิลด์เล่นได้อย่างโดดเด่นทำให้แดนกลางแมนฯ ซิตี้ ต้องเจอกับงานยากลำบากในการครองบอล และการผ่านบอลให้กองหน้า ที่สำคัญการเล่นอย่างมีระเบียบวินัย และมีความนิ่งไม่ตื่นตระหนกเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลให้ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้

4. ขาด ซิลวา เรือใบขาดใจ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่สามารถรับมือกับการที่ทีมขาด แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่ไม่สามารถลงสนามได้เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็นต้นขาในช่วงฝึกซ้อมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

สำหรับเกมนี้ สตาร์ชาวโปรตุกีส เดินทางไปร่วมกับเพื่อนร่วมทัพ “เรือใบสีฟ้า” แต่ กวาร์ดิโอล่า ตัดสินใจไม่ส่งเขาลงสนาม ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่เสียหายสำหรับทีมเพราะ ซิลวา กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มสุดยอด และน่าจะสามารถช่วยทีมได้มากในแมตช์นี้

แน่นอนว่าแฟนบอลแมนฯ ซิตี้ ต้องคิดถึงการสร้างสรรค์เกมของ ซิลวา มากๆ เพราะนักเตะที่ส่งลงไปเล่นแทนอย่าง ริยาด มาห์เรซ ไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรทีมเลย แถมการต้องพึ่งพา ราฮีม สเตอร์ลิง เพียงคนเดียวทำให้ ปีกทีมชาติอังกฤษ ต้องแบกรับภาระมากเกินไป

ซิลวา เป็นผู้เล่นสำคัญในการขับเคลื่อนเกมรุกของทีม ฉะนั้น เป๊ป คงคาดหวังที่จะเห็นนักเตะคู่ใจหายเจ็บและฟิตสมบูรณ์กลับมาช่วยทีมให้ได้ เพราะไม่ใช่แค่เกมนัด 2 ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เกมถ้วย “บิ๊กเอียร์” เท่านั้น ยังรวมถึงแมตช์อื่นๆ ในช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนี้ด้วย

5. อูโก้ โยริส จอมหลอน อเกวโร่
แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสได้รางวัลล้ำค่าตั้งแต่นาทีที่ 12 เมื่อ “วีเออาร์” ระบุชัดเจนว่า แดนนี่ โรส ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ โดยในจังหวะนั้น เซร์คิโอ อเกวโร่ ขันอาสาที่จะรับหน้าที่สังหารลูกนี้เอง และแน่นอนว่าแฟนบอล “เรือใบสีฟ้า” มั่นอกมั่นใจว่าเขาจะยิงประตูได้แน่ๆ

จังหวะที่ “กุน” ตะบันบอลไปนั่นก็คือว่าไม่ได้เลวร้าย แต่ โยริส โชว์ให้เห็นแล้วว่าเขามีไหวพริบในการป้องกันจุดโทษได้อย่างสุดยอดมากแค่ไหน เมื่อ นายทวารทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 พุ่งไปถูกทาง และปัดบอลได้อย่างสุดยอด

สำหรับตอนนี้ นายด่านเลือดเฟร้นช์ เป็นโกล์ที่ หัวหอกเลือดอาร์เจนไตน์ ต้องหวาดหวั่นหากต้องเผชิญหน้ากับเขาในการยิงจุดโทษ เพราะ โยริส เป็นผ้รักษาประตูเพียงคนเดียวในยุโรปที่เซฟจุดโทษของ อเกวโร่ ได้มากกกว่าผู้รักษาประตูคนอื่นๆ

ยังไม่หมดแค่นั้น โยริส ซึ่งเป็นนายทวาร “ไก่เดือยทอง” เซฟลูกจุดโทษได้ทั้ง 3 ครั้งในปี 2019 โดยเริ่มจากปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง กองหน้า “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล” และ เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอกชาวอังกฤษของ “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น