เป๊ป ชูแข้งอันตรายเลสเตอร์ที่แมนซิตี้ต้องระวัง

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนฯ ซิตี้ เตือนลูกทีมต้องระวังดาวเตะ เลสเตอร์ ให้ดี เพราะกำลังฟอร์มฮอตยิงเป็นว่าเล่น พร้อมชม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามาทำให้ “สุนัขจิ้งจอก” ทำผลงานเยี่ยม
โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับว่า เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้า เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นนักเตะอันตราย และแข้ง “เรือใบสีฟ้า” ต้องระวังให้ดี ก่อนที่ทั้งสองทีมจะเจอกันในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคมนี้

แมนฯ ซิตี้ ต้องการเก็บ 3 คะแนนเพื่อแซง ลิเวอร์พูล กลับขึ้นไปเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม วาร์ดี้ เป็นนักเตะที่มีสถิติยอดเยี่ยมในการยิงทีมใหญ่ และกำลังอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรง หลังทำไป 11 ประตูใน 11 เกมหลังสุด รวมทั้งเพิ่งกดไป 2 ลูก ในเกมเปิดรัง คิง เพาเวอร์ ไล่ถล่ม อาร์เซน่อล 3-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา

กวาร์ดิโอล่า เผยว่า “ผมคิดว่า เส้นทางค้าแข้งของเขา (วาร์ดี้) พิสูจน์ในตัวมันเองอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ช่วงไม่กี่เกมที่ผ่านมา แต่ก็ต้องยอมรับว่า เขายิงประตูมาอย่างต่อเนื่อง เขาทำได้เยี่ยมในลีกแห่งนี้ เขาเป็นกองหน้าที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อด้วยการเคลื่อนที่, จบสกอร์ และเป็นนักสู้”

“ผมเคยคิดก่อนหน้านี้ว่า พวกเขาเป็นทีมที่เล่นอาศัยการโต้กลับ แต่ตอนนี้จากการที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามาคุมทีม ทำให้พวกเขาเล่นในอีกแนวทาง และพวกเขาก็สามารถใช้มัน และควบคุมเกมเอาไว้ได้” กุนซือชาวสแปนิช ทิ้งท้าย

เทรนท์ ยันไม่เจตนาใช้แขนปัดบอล-คาร์ร่าชี้โชคดีไม่โดนแดง

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กดาวรุ่งของลิเวอร์พูล กล่าวชัดเจนว่าตนไม่ได้มีเจตนาที่จะใช้แขนปัดบอล โดยมันเป็นสัญชตญาณของมนุษย์ที่บอลพุ่งมาแรงแล้วไม่สามารถควบคุมมันได้ ในเกมที่หงส์แดงบุกเอาชนะนิวคาสเซิล 3-2 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
เด็กปั้นของหงส์แดงวัย 20 ปี เปิดใจเกี่ยวกับจังหวะปัญหาที่ตัวเขาทำแฮนด์บอลบนเส้นประตูแต่ผู้ตัดสิน อันเดร มาร์ริเนอร์ ให้เป็นจังหวะต่อเนื่องแก่นิวคาสเซิล จนเดอะ แม็กพายส์ ได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากคริสเตียน อัตซู ซึ่งทำให้เจ้าตัวรอดพ้นจากการโดนไล่ออกจากสนามและจากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหนูเทรนท์ ก็เป็นคนเปิดบอลให้โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูพาลิเวอร์พูลกลับขึ้นไปนำ 2-1 อีกครั้ง

ในเรื่องนี้เอง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยืนยันว่าตนไม่ได้มีเจตนาที่จะปัดบอลแต่อย่างใด โดยมันเป็นสัญชาตญาณเท่านั้น เพราะบอลมันพุ่งมาเร็วมาก “บอลมันพุ่งมาหาผมเร็วมากๆ – มันก็เป็นเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น(ที่ปัดบอลทิ้ง)”

“แขนของผมมันไม่ได้กางออกเลยนะ ที่บอลมันไปโดน แขนมันก็ยังแนบลำตัว”

ทั้งนี้จากจังหวะดังกล่าว เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ควรสมควรโดนใบแดง ซึ่งเจมี่ คาร์ราเกอร์ กูรูแห่งสกาย สปอร์ตส์ ก็ออกมากล่าวว่า แบ็กขวารายนี้ โชคดีที่ไม่โดนไล่ออกจากสนามไป “เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โชคดีมาก มันเกิดขึ้นในตอนสกอร์ 1-1 มันดีที่สุดแล้วกับสถานการณ์ของลิเวอร์พูลในตอนนี้”

แก้ไขด่วน! เจาะลึก 3 ข้อทำไม มาร์กซิยาล ฟอร์มตกหนักหน่วง

มาร์กซิยาล กำลังเผชิญปัญหาฟอร์มตกอย่างหนักหน่วง ทั้งที่ช่วงแรกที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามาคุมทัพเขากลับโชว์ฟอร์มได้ดีเยี่ยมจนได้รับการต่อสัญญาออกไปถึง 4 ปีด้วยกัน แต่หลังจากนั้นฟอร์มกลับออกทะเลอย่างน่าใจหาย แผนของโซลชาไม่สามารถเค้นฟอร์ม มาร์กซิยาล? หรือจะเป็นปัญหาในห้องแต่งตัวที่ทำให้เขาเล่นไม่ออก? เรามาวิเคราะห์เจาะลึกกัน

1.ปัญหาทัศนคติ

เป็นสิ่งที่เป็นประเด็นให้คนพูดถึงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามากมาย ทัศนคติในสนามของเขาแฟนผีแดงและโซลชา ดุจะไม่ปลื้มเอามากๆ ในเกมกับ เชลซี เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีแฟนบอลในสนามถ่ายคลิปที่ มาร์กซิยาล ยืนอยู่นิ่งๆในช่วงพักครึ่งที่นักเตะสำรองลงไปวอร์มในสนาม ทั้งที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆกำลังอบอุ่นร่างกายอย่างเต็มที่ จนทำให้แฟนบอลของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตำหนิเขาอย่างหนักบนสังคมออนไลน์

นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า โซลชา ไม่พอใจทัศนะคติของดาวเตะเลือดน้ำหอมที่ไม่พยายามเพื่อทีมมากเท่าที่ควรในหลายจังหวะ ดูจากสถิติแล้วเจ้าตัวมีระยะทางวิ่งในสนามเฉลี่ยแค่ 8.45 กิโลเมตรต่อเกมเท่านั้นซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในตำแหน่งบรรดากองหน้าพรีเมียร์ลีก แถมถ้านับเฉพาะแข้งผีแดงก็มีแค่ เอริก ไบยี่ ที่เป็นนักเตะเอ้าท์ฟิลด์เพียงคนเดียวที่มีค่าเฉลี่ยน้อยกว่า มาร์กซิยาล ด้วย ดังนั้นถ้าจะปรับปรุงฟอร์มของเขาต้องเริ่มจากทัศนคติตัวเขาเองก่อนเลย

2.ปัญหาอาการบาดเจ็บ


เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่มีปัญหากับอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นซีซั่นไหนๆก็ตาม ฟอร์มดีๆมักจะสุดเนื่องจากปัญหานี้ตลอด ช่วงที่ โซลชา เริ่มเข้ามาคุมทัพชั่วคราวกับ แมนฯยูไนเต็ด แนวรุกชาวฝรั่งเศสรายนี้กลับมาทำผลงานโดดเด่นกว่าตอนยุค มูรินโญ่ ด้วยการยิง 3 แอสซิสต์อีก 2 ทำให้ ผีแดง รีบจับเขาต่อสัญญาออกไปจนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2024 แต่ทว่าเขาได้รับบาดเจ็บที่ต้นขาในเกมพ่าย เปแอสเช และหายไปเดือนกว่า หลังจากนั้นตั้งแต่กลับมาในเกมพ่าย อาร์เซน่อล เมื่อต้นเดือนมีนาคม เขาก็ยิงได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น แถมฟอร์มตกอย่างหนักหน่วงอีกด้วย

3.ปัญหาหลังห้องแต่งตัว


ข้อนี้สื่อท้องถิ่นอย่าง “แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์” ก็ได้มีการเผยว่า บรรดานักเตะ แมนฯยูไนเต็ด กำลังไม่พอใจฟอร์มการเล่นของ ปอล ป็อกบา และอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แถมแข้งปีศาจแดงยังรู้สึกว่าสโมสรให้ท้ายและเอาใจ ป็อกบา กับ มาร์กซิยาล มากเกินไป เราก็ไม่รู้ว่าเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ปัญหาเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นในห้องแต่งตัวเพราะมันจะกระทบกับการเล่นของ มาร์กซิยาล แน่ นักเตะอาจจะพากันแบน มาร์กซิยาล ทำให้อยู่ในสโมสรยากก็เป็นได้ นักเตะหลายคนก็ค่อนข้างกังวลเพราะบรรยากาศในห้องแต่งตัวเริ่มจะไม่ดี ดังนั้นผู้จัดการทีมอย่าง โซลชา ต้องจัดการอีโก้ของนักเตะเหล่านี้ให้ได้และไม่ให้นักเตะในทีมมีอิทธิพลเหนือสโมสรเป็นอันขาด

ลากาแซตต์ เบิ้ล-โอบายิงปิด’ อาร์เซน่อลอัดแซงบาเลนเซียศึกยูโรปา

ลากาแซตต์ ตะบันสองตุง ขณะที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ซัดส่งท้ายช่วย “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เปิดบ้านยิงแซงเก็บชัยเหนือ “ไอ้ค้างคาว” บาเลนเซีย 3-1 กุมความได้เปรียบเอาไว้ได้ก่อน ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา

“ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ผลงานในลีกไม่สู่ดีล่าสุดบุกโดน “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ ขย้ำ 0-3 เกมนี้เล่นในบ้านจึงต้องเน้นหนักหวังกู้หน้าคืนกลับมาให้แฟนบอล

ข่าวคาดว่าจะไม่มี ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ร่วมทัพแต่เมื่อเผยรายชื่อ 11 ตัวจริงออกมา ปืนใหญ่ ใส่ไม่ยั้งหวังผลิตสกอร์ วางคู่หน้า ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง กับ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ โดยมี เมซุต โอซิล คอนป้อนสะพานปืนในตำแหน่งหน้าต่ำ

ฝั่ง “ไอ้ค้างคาว” บาเลนเซีย เห็นได้ชัดว่าเกมนี้ต้องการอย่างน้อยหนึ่งแต้มจัดทัพมาตั้งรับในระบบ 5-4-1 โดยห้อย โรดริโก้ โมเรโน่ ดาวยิงตัวเก่งไว้รอสวนกลับแต่เพียงหน่อเดียว

เริ่มเกมเพียง 54 วินาที อเล็กซองค์ ลากาแซตต์ ถูกผู้เล่นบาเลนเซียเบียดล้มลงในเขตโทษแต่ ผู้ตัดสินชาวฝรั่งเศสชี้ให้เป็นลูกตั้งเตะจากเขตประตูสร้างเสียงฮือฮาให้กับแฟนปืนโตทั่วทั้งสนาม

นาทีที่ 8 บาเลนเซีย หวิดได้ประตูขึ้นนำก่อนจากจังหวะลูกฟรีคิกระยะประมาณ 40 หลาที่เปิดไปด้านข้างให้ โรดริโก้ โมเรโน่ ก่อนตวัดจากริมเส้นฝั่งซ้าย

แต่แล้วนาทีที่ 11 ไอ้ค้างคาว ได้กระพือปีกสนั่นเมื่อออกนำไปก่อน 1-0 จะลูกเตะมุม ดานี่ ปาเรโฆ เปิดบอลเลยไปเสาไกล โรดริโก้ โมเรโน่ โหม่งย้อนกลับมาเข้าหัว มุคตาร์ เดียกาบี้ ขึ้นโขกระยะเผาขนไม่เหลือซาก

4 นาทีถัดมาทีมเยือนเกือบนำห่างอีกครั้ง ดานี่ ปาเรโฆ ได้โอกาสซัดไกลแต่ไปติดเซฟ ปีเตอร์ เช็ก ที่พุ่งปัดไว้ได้

นาทีที่ 18 อาร์เซน่อล ตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ให้ความเร็วกระชากหนีแผงหลังไอ้ค้างคาวหลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนหักหลอกเข้าขวาแล้วถวายพานให้ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ วิ่งเข้ามาแปด้ายเท้าซ้ายส่งบอลไปกองก้นตาข่ายอย่างง่ายดายเรียกได้ว่าคู่หน้ามหาประลัยจริงๆ

นาทีที่ 24 โรดริโก้ โมเรโน่ ศูนย์หน้าบาเลนเซีย ได้ซัดไกลอีกครั้งแต่คราวนี้ไปติดบล็อกแผนหลังเจ้าถิ่น

นาทีถัดมาเป็น อาร์เซน่อล แซงนำ 2-1 กรานิต ชาคา เปิดบอลโด่งโค้งทางฝั่งซ้ายไปเข้าหัว อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ขึ้นโขกโล่งๆ ก่อนถูก เนโต้ นายด่านทีมเยือนปัดได้ในจังหวะแรกแต่ไปชนเสาก่อนเจ้าตัวจะปัดบอลออกมาอีกครั้ง และในจังหวะนี้เองผู้ช่วยผู้ตัดสินเพิ่มเติมที่ 1 ( โกลไลน์) ส่งสัญญานว่าลูกบอลผ่านเส้นประตูเข้าไปแล้ว กเลมงต์ ตูร์กแป็ง ท่านเปาเกมนี้จึงให้สัญญานเป็นประตูทันที และเมื่อกลับมาย้อนดูภาพช้าจากเทคโนโลยีโกลไลน์อีกครั้งจะเห็นได้ว่าบอลได้ผ่านเส้นประตูเข้าไปอย่างชัดเจน และนับเป็นประตูที่สองของ ลากาแซตต์ ในเกมนี้อีกด้วย

ทัพปืนโตเหมือนได้ใจ นาทีที่ 33 ได้ลุ้นอีกครั้งเมื่อ โอบาเมยอง เอี้ยวตัววอลเล่ย์ซัดเข้าที่บอลแบบไม่จับในกรอบเขตโทษบาเลนเซียทางฝั่งขวาระยะไม่ถึง 15 หลาแต่เหมือนโดนไม่ดีบอลตกกระดอนที่พื้นก่อนหลุดออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 36 บาเลนเซีย ได้ฟรีคิกระยะประมาณ 30 หลา ดานี่ ปาเรโฆ วิ่งเข้ามาตะบันเต็มข้อบอลเหินข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น

เจ้าถิ่นยังโหม่บุกอย่างหนักเพื่อหวังบอกสกอร์เพิ่มแต่ทำไม่ได้จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล แซงนำ บาเลนเซีย 2-1

เริ่มทำการแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 50 การ์ลอส โซเลร์ ของบาเลนเซียได้หวดเต็มข้อบอลไปโดนฝั่งเดียวกันเองทำท่าจะเปลี่ยนทางแต่หลุดออกด้าข้างไปอย่างน่าเสียดาย

เลยมาถึงนาทีที่ 57 เจ้าถิ่นต่อบอลขึ้นไปถึง ลากาแซตต์ ทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนส่งต่อให้ มัตเตโอ เกนดูซี่ ปั่นโค้งหน้ากรอบเขตโทษบาเลนเซีย แต่ไปติดบล็อกผู้เล่นทีมเยือนออกไป

นาทีที่ 63 อาร์เซน่อล ได้ลุ้นอีกครั้ง โอบาเมยอง สับหลอกทางริมเส้นฝั่งซ้ายแล้วเปิดบอลโด่งเลยไปถึง ลากาแซตต์ ที่ยืนโหม่งโล่งๆ แต่เจ้าตัวดันวืดกลายเป็นโขกลมแทนลูกบอล ถึงนาทีนี้ อาร์เซน่อล ครองเกมได้มากกว่าถึง 69 ต่อ 31 เปอร์เซ็นต์

ทัพปืนใหญ่พลาดโอกาสทองอีกครั้งนาทีที่ 67 เมื่อ ลากาแซตต์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงแบบดวลเดี่ยวกับ เนโต้ นายด่านทีมเยือนแต่กลับยิงไปติดขา และซ้ำดาบสองยังไปติดมือ เนโต้ อีกครั้ง ลากาแซตต์ ถึงกับเอามือกุมหน้าเพราะพลาดบวกสกอร์ให้ต้นสังกัดและพลาดทำแฮตทริกให้ตัวเองในเกมนี้

นาที่ที่ 73 บาเลยเซีย ได้ลุ้นตีเสมอ ดานี่ ปาเรโฆ แทงบอลให้ เควิน กาเมโร่ หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดแต่ ปีเตอร์ เช็ก ออกมาปิดมุมไวทำให้แทบไม่เหลือมุมยิงและโดนตัว เช็ก ออกด้านข้างไป

มาถึงนาทีที่ 82 ทีมเยือนโหมบุกขึ้นมาอีกครั้งและจบที่ เควิน กาเมโร่ ซัดไม่ถึง 10 หลาข้ามคานอย่างน่าเสียดาย

ทัพปืนโตมาได้ประตูตอกฝากโลงนาทีที่ 90 ลากาแซตต์ ซัดไปติดเซฟ เนโต้บอลกระดอนมาเข้าทาง ลากาแซตต์ อีกครั้งก่อนส่งให้ เซอัด โคลาซินัช ปั่นโค้งจากริมเส้นเลยไปถึง โอบาเมยอง ที่ตัดสินใจซัดแบบไม่จับเข้าไปโคนเสาเรียกได้ว่ามุมแทบจะไม่มีให้ยิง ส่ง อาร์เซน่อล นำห่าง 3-1

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกม อาร์เซน่อล เปิดบ้านรัวแซง บาเลนเซีย 3-1 เก็บชัยไปได้ก่อนแต่ยังต้องกลับไปลุ้นต่อนัดสองที่รังไอ้ค้างคาวอีกนัด

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล (3-4-1-2) : ปีเตอร์ เช็ก – โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ (นาโช่ มอนเรอัล น.82), ชโคดราน มุสตาฟี่ – เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส, มัตเตโอ เกนดูซี่ (ลูกัส ตอร์เรยร่า น.58), กรานิต ชาคา, เซอัด โคลาซินัช – เมซุต โอซิล (เฮนริค มคิทาร์ยาน น.75) – ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง, อเล็กซองด์ ลากาแซตต์

บาเลนเซีย (5-4-1) : หลุยส์ เนโต้ – โฆเซ่ หลุยส์ กาย่า, กาเบรียล เปาลิสต้า, เอเซเกล การาย, มุคตาร์ เดียกาบี้, ฟาคุนโด้ รอนคาย่า – กอนคาโล่ กูเอเดส (เควิน กาเมโร่ น.71), ดานี่ ปาเรโฆ, การ์ลอส โซเลร์ (ดาเนียล วาสส์ น.71), คริสเตียโน่ ปิคซินี่ – โรดริโก้ โมเรโน่ (ซานติ มิน่า น.88)

ทัศนคติแย่! รอยคีน ไม่ปลื้มชี้ป็อกบาคือปัญหาใหญ่ของแมนยู

รอยคีน อดีตยอดมิดฟิลด์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกโรงเฉ่ง ปอล ป็อกบา กองกลางคนดังของ “ปีศาจแดง” อย่างหนัก โดยบอกว่า ป็อกบา มีทัศนคติที่ย่ำแย่สุดๆ แถมยังไม่ช่วยทีมเล่นเกมรับด้วย
รอย คีน ตำนานกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตำหนิ ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์รุ่นน้องในทัพ “ปีศาจแดง” แบบรุนแรง หลังจากที่ล่าสุดอดีตทีมของเขาแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2 คารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพุธที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา

ป็อกบา ถูกยกให้เป็นศูนย์กลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้ หลังจากที่เขาเคยประสบความสำเร็จทั้งกับทีมชาติฝรั่งเศสและ ยูเวนตุส มาแล้ว รวมถึงมีฝีเท้าโดยรวมที่ดี อย่างไรก็ตาม ดาวเตะเลือดน้ำหอมมักจะถูกตั้งคำถามเรื่องทัศนคติมาโดยตลอด และเกมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเขาก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมรอดจากความพ่ายแพ้ไปได้

คีน กล่าวระหว่างออกรายการของ สกายสปอร์ตส์ สื่อกีฬาชั้นนำของเมืองผู้ดีว่า “ผมคงไม่เชื่อคำพูดของเขาแม้แต่คำเดียวหรอก คำพูดของเขามันไม่มีความหมายอะไรเลย ผมคิดว่าเขาเองก็ไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองพูดด้วยซ้ำ เขาพูดถึงเรื่องการเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดี แต่ถ้าคุณจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณก็ต้องวิ่งกลับไปช่วยเพื่อนเล่นเกมรับด้วย”

“หลังจบเกมกับ เอฟเวอร์ตัน (แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ 0-4) ไปแล้วบรรยากาศมันก็ดุเดือดขึ้นนิดหน่อย ผมได้ยินมาว่าพวกเขาขว้างเจลทำผมใส่กัน มันช่างดุเดือดซะเหลือเกิน โอเค เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์สูง แต่เราก็พูดเรื่องเดิมกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราเห็นกันมาหลายต่อหลายนัดแล้วที่เขาไม่ยอมวิ่งช่วยทีม หรือวิ่งกลับไปช่วยเล่นเกมรับ เขาพร่ำพูดเรื่องท่าทางต่างๆ แต่เขาเองนั่นแหละที่ชูมือยอมแพ้ เขาคือปัญหาใหญ่ของ ยูไนเต็ด”

“ก่อนหน้านี้ แกรม (ซูเนสส์) พูดเรื่องที่สโมสรฟุตบอลต้องมีรุ่นพี่ดีๆ อยู่ในทีม ตอนนี้เขาถือเป็นนักเตะรุ่นพี่แล้ว เขาเล่นรายการใหญ่ๆ มาหลายรายการ และได้แชมป์รายการใหญ่ๆ มามากมาย แต่จากที่ผมเห็นในตอนนี้น่ะ ผมไม่คิดว่าเขาจะเป็นแบบอย่างที่ดีได้หรอก ผมไม่รู้หรอกนะว่าตอนซ้อม หรือตอนที่ทีมเดินทางกันเขาเป็นคนยังไง แต่จากที่ผมเห็น (ในสนาม) น่ะเขาแย่มาก เขาพูดถึงเรื่องท่าทางและศักดิ์ศรี แต่ผมไม่เห็นเรื่องแบบนั้นในฟอร์มของเขาเลย สายตาของผมมันไม่โกหกผมหรอก”

ใครบ้าง? โรนัลโด้ จี้บอร์ดยูเวนตุสซิว6แข้ง

โรนัลโด้ แข้งซูเปอร์สตาร์ของ ยูเวนตุส กระตุ้นให้บอร์ดบริหารดึงแข้งมาร่วมทีม 6 รายในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยในกลุ่มนั้นมีชื่อของ อีสโก้ กับ ราฟาแอล วาราน อดีตเพื่อนร่วมทีมของ โรนัลโด้ ที่ เรอัล มาดริด รวมอยู่ด้วย
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงคนดังของ ยูเวนตุส สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เรียกร้องให้บอร์ดบริหารของทีมดึงนักเตะมาเสริมทัพถึง 6 รายในช่วงซัมเมอร์นี้ ตามรายงานของ คอร์ริเอเร่ เดลโล่ สปอร์ต สื่อกีฬาชื่อดังของแดนมะกะโรนี

ยูเวนตุส ยอมทุ่มเงินในเบื้องต้นสูงถึง 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3,600 ล้านบาท) เพื่อดึง โรนัลโด้ มาจาก เรอัล มาดริด เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน ด้วยความหวังว่าเขาจะช่วยทำให้ทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปครองได้ แต่สุดท้ายดาวเตะชาวโปรตุกีสก็ไม่สามารถพาทีมไปถึงฝั่งฝันได้ จากการที่ “เบียงโคเนรี่” ต้องตกรอบก่อนรองชนะเลิศด้วยฝีมือของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

ความล้มเหลวดังกล่าวทำให้ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า โรนัลโด้ ขู่ว่าถ้าทีมไม่ทำการเสริมทัพให้ดีพอในช่วงซัมเมอร์นี้แล้วล่ะก็ เขาก็อาจจะตัดสินใจบอกลาทีมหลังจบฤดูกาลหน้า ซึ่งถือว่าเร็วกว่าสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายทำกันเอาไว้ 2 ปี เพราะเขาต้องการที่จะได้สัมผัสกับถ้วย “บิ๊กเอียร์” อีกครั้ง

กระทั่งล่าสุด คอร์ริเอเร่ เดลโล่ สปอร์ต ก็แฉว่า โรนัลโด้ จริงจังกับการที่อยากให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นมากๆ จนบอกกับบอร์ดบริหารว่าอยากได้ใครมาเป็นเพื่อนร่วมทีมบ้าง โดยประกอบไปด้วย ชูเอา เฟลิกซ์ ปีกดาวรุ่งของ เบนฟิก้า, อีสโก้ กับ ราฟาแอล วาราน 2 ดาวเตะจาก เรอัล มาดริด, เฟเดริโก้ เคียซ่า ปีกดาวโรจน์ของ ฟิออเรนติน่า, คอสตาส มาโนลาส กองหลัง อาแอส โรม่า และ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ กองกลาง โอลิมปิก ลียง โดยสื่อเจ้าเดิมเสริมว่าดาวเตะเลือดฝอยทองได้คุยเรื่องของทั้ง 6 คนกับ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เทรนเนอร์ของทีมไปแล้วด้วย

อยู่ยาก!แฟนบาร์เซโลน่าไม่พอใจโห่ใส่ คูตินโญ่ หนัก

คูตินโญ่ มิดฟิลด์ บาร์เซโลน่า โดนกองเชียร์กลุ่มหนึ่งของทีมตัวเองโห่ใส่ในเกมที่ต้นสังกัดเฉือน เรอัล โซเซียดาด หลังจากที่สาวก “อาซูลกราน่า” บางส่วนไม่พอใจในตัวเขามานานแล้ว และความบาดหมางก็รุนแรงขึ้นหลังจากที่ คูตินโญ่ ฉลองประตูในเกมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการเอานิ้วอุดหูตัวเอง
แฟนบอลกลุ่มหนึ่งของ บาร์เซโลน่า โห่ใส่ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กองกลางชาวบราซิเลียนของทีม ระหว่างเกม ลา ลีกา สเปน นัดที่ทีมรักของพวกเขาเปิดรัง คัมป์ นู เอาชนะ เรอัล โซเซียดาด 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา

คูตินโญ่ เป็นที่เกลียดชังของสาวก บาร์เซโลน่า บางคนมาพักหนึ่งแล้ว หลังจากที่เขาทำผลงานได้น่าผิดหวังในฤดูกาลนี้ โดยก่อนหน้านี้อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล ก็เคยโดนสาวกของทีมโห่ใส่บางนัด จนทำให้เกิดข่าวลือว่าเจ้าตัวอาจเลือกบอกลาทีมในช่วงซัมเมอร์นี้

ทั้งนี้ ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง ที่ทีมของกุนซือ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เปิดบ้านไล่ต้อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 เมื่อวันอังคารที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมานั้น คูตินโญ่ ทำประตูได้ด้วย และเขาก็ฉลองด้วยการเอานิ้วอุดหูทั้งสองข้าง โดยถึงแม้จะไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเขาต้องการสื่อถึงใคร แต่หลายคนเชื่อกันว่าดาวเตะเลือดแซมบ้าต้องการสื่อถึงบรรดาคนที่วิจารณ์เขา และนั่นรวมถึงแฟนบอล บาร์เซโลน่า ที่ตำหนิเขาด้วย

การกระทำดังกล่าวส่งผลให้สาวก บาร์เซโลน่า กลุ่มหนึ่งไม่พอใจในตัวเขามากขึ้นไปอีก จนถึงขั้นโห่ใส่เจ้าตัวในตอนที่ คูตินโญ่ โดนเปลี่ยนตัวลงสนามในเกมกับ โซเซียดาด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และทุกครั้งที่เขาได้จับบอล เหล่ากองเชียร์ บาร์เซโลน่า ก็ยังตามโห่เขาไม่เลิกเหมือนกัน

คืนจ่าฝูง! ชำแหละ 5 ข้อเด็ด ลิเวอร์พูล โชว์ของทุบ คาร์ดิฟฟ์

คืนจ่าฝูง พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง หลังจากพวกเขาบุกไปชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 2-0 ที่สนามคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยงานนี้ทำให้การลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีในฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยความเข้มข้น และลุ้นกันแบบนัดต่อนัดเลยทีเดียว

แม้ว่า “หงส์แด” จะเจอกับความยากลำบากในการเจาะเข้าทำประตูในครึ่งแรก แต่สุดท้ายพวกเขาสามารถปลดล็อกได้จากจังหวะที่ เทรนต์ -อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปิดบอลให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ซัดประตูสุดงามให้ทีมในช่วงเกมผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง

จากนั้นทีมมาคลายความกดดันมายิ่งขึ้นจากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดนทำฟาวล์ในเขตโทษ และเป็น เจมส์ มิลเนอร์ ที่ขันอาสาสังหารไม่เหลือซาก โดยตอนนี้สาวก “เดอะ ค็อป” คงต้องลุ้นกันยิ่งกว่าแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะ “ผีแดง” มีคิวรับมือ แมนฯ ซิตี้ และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่แฟนบอล “หงส์แดง” จะถอดใจเชียร์ “เร้ด เดวิลส์”

1. อลีสซง ทำผลงานยอดเยี่ยม
ลิเวอร์พูล มีโอกาสมากมายในช่วง 45 นาทีแรกจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่ไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ นีล เอเธอริดจ์ นายทวาร คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เข้าไปซุกก้นตาข่ายได้เลย ทำให้ทีมต้องเจอกับแรงกดดันในช่วงครึ่งหลัง

ฟอร์มของ “หงส์แดง” ในเกมนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่าพวกเขาเหนือกว่าเจ้าบ้านพร้อมกับสถิติครองบอลได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ในครึ่งแรก แต่ก็มีบางจังหวะที่พลาดให้ คาร์ดิฟฟ์ ได้สร้างความหวาดเสียวเหมือนกัน และโชคดีที่ทีมมี อลีสซง เฝ้าเสา ไม่งั้นอาจมีสิทธิ์น้ำตาตกก็ได้

จังหวะที่โดดเด่นเป็นสง่าของ คาร์ดิฟฟ์ คงเป็นในนาทีที่ 44 จากจังหวะที่ อูมาร์ แนสส์ พลิกตัวเร็วตวัดยิง แต่ อลีสซง ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้นพอดีทำให้เจ้าตัวสามารถกระโดดปัดบอลข้ามคานออกไป ซึ่งถือเป็นจังหวะสำคัญมากๆ ที่ช่วยให้ “หงส์แดง” ไม่เสียประตูก่อนพักครึ่ง

ผลงานยอดเยี่ยมที่รักษาคลีนชีตใหนแมตช์นี้ทำให้ นายด่านชาวบราซิเลียน เก็บไปแล้ว 19 คลีนชีตในเกมลีกฤดูกาลนี้ และแน่นอนว่าเขามีลุ้นที่จะคว้ารางวัลถุงมือทองคำ เนื่องจากมีสถิติไม่เสียประตูเหนือกว่า เอแดร์สัน โกล์เพื่อนร่วมชาติจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

2. แอสซิสต์สำคัญจากเจ้าหนูอาร์โนลด์
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฟูลแบ็กดาวรุ่งพุ่งแรง เก็บแอสซิสต์ให้กับตัวเองได้อีกครั้ง หลังจากเปิดเตะมุมให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ซัดประตูสุดสวยผ่านมา นีล เอเธอริดจ์ โกล์เจ้าบ้าน ช่วยปลดล็อกให้ “เดอะ เร้ดส์” ในช่วงต้นครึ่งหลัง

จังหวะแอสซิสต์ของสตาร์ลูกหนังเสื้อเบอร์ 66 ส่งผลให้ช่องว่างในการแข่งทำแอสซิสต์กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสันในฤดูกาล 2018-19 สูสีมากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก แน่นอนว่านี่คือเรื่องที่ดีเยี่ยมสำหรับสาวก “เดอะ ค็อป” ที่เห็นการแข่งขันดังกล่าวสร้างประโยชน์ให้กับทีมอย่างมาก

ตอนนี้ แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ ทำแอสซิสต์ไปแล้ว 10 ครั้ง ขณะที่ กัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ ทำแอสซิสต์ไปแล้ว 11 ครั้ง โดยอีก 3 เกมที่เหลืออยู่แฟนบอลลิเวอร์พูลคงหวังว่าทั้งสองคนยังผลิตผลงานดีมีคุณภาพแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันไม่ว่าจบซีซั่นนี้ “หงส์แดง” จะอยู่อันดับที่เท่าไหร่ แต่ คล็อปป์ คงแฮปปี้กับผู้เล่นฟูลแบ็กทั้งสองคนมากๆ

3. ไวจ์นัลดุม ประตูปลดล็อก
แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะครองเกมได้เหนือกว่าแต่ดูเหมือนว่านักเตะมีอาการประหม่าสุดๆ ไม่ใช่แค่ผู้เล่นในสนามเท่านั้น เพราะที่ซุ้มม้านั่งสำรอง และบนอัฒจันทร์ต่างก็รู้สึกหวาดหวั่น เนื่องจากทีมยังไม่สามารถยิงประตูขึ้นนำได้ทั้งๆ ที่เกมผ่านมาเกือบ 1 ชั่วโมง

จนกระทั่ง จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม สวมบทผู้ปลดแอกเมื่อเขาวอลเลย์ลูกบอลสุดงามจากการเตะมุมของเจ้าหนูเทรนต์ ถือเป็นการปลดล็อคความเครียด และความประหม่าของลิเวอร์พูลได้ทันที และแน่นอนว่านั่นคงจุดที่ทำให้ทีมมีความมั่นใจมากขึ้น และเดินเครื่องที่จะทำประตูเพิ่ม

หลังจากที่ ดาวเตะเลือดดัตช์ ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย แน่นอนว่าทำให้นักเตะและกองเชียร์ผู้มาเยือนระเบิดอารมณ์ที่อัดอั้นมานานได้ซะที แม้ว่านี่จะเป็นเพียงประตูที่สามในฤดูกาลนี้ของไวจ์นัลดุม แต่เป็นประตูที่มีความสำคัญมากๆ ต่อการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก

4. 3 ประสานใช้จังหวะเปลื้อง
สำหรับเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดอาการหวาดวิตกสำหรับนักเตะ, โค้ช และผู้เล่นสำรอง ในช่วงครึ่งหลังมาจากการที่ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสหลายต่อหลายครั้งที่จะทำประตูในช่วงครึ่งแรก และนั่นทำให้พวกเขาต้องเจอความกดดันอย่างหนักในการเล่นครึ่งหลัง

จังหวะที่งามหยดที่ “หงส์แดง” ควรจะได้ประตูนำเกิดขึ้นในนาที่ 23 เมื่อ ซาดิโอ มาเน่ จ่ายบอลตามช่องแบบถวายใส่พานทองคำ ให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ แต่ยิงบอลผ่านตัว นีล เอเธอริดจ์ หลุดกรอบออกหลังไปอย่างเหลือเชื่อ

ขณะที่ มาเน่ ก็มีโอกาสเช่นกัน เมื่อ ดาวเตะเซเนกัล ได้บอลหน้าเขตโทษฝั่งขวาจากนั้นก็สับไกด้วยขวา แต่บอลหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย ส่วน ซาลาห์ โชว์ลีลาพลิกบอลหนี บรูโน่ เอกูเอเล่ ม็องก้า หลุดเข้าไปดีดด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่โดน เอเธอริดจ์ ออกมาบีบมุมเซฟเอาไว้ได้

ในช่วงเวลาคับขันและความตึงเครียดถาโถม แต่พวกเขาได้ฮีโร่อย่าง ไวจ์นัลดุม ที่ยิงประตูปลดล็อกในช่วงเกมผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง หากไม่ได้ประตูของแข้งดัตช์มีหวังสถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ยิงกดดันจนถึงขั้นลนลานเลยก็ได้

5. ทุกสายตา “เดอะ ค็อป” จับจ้องเกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอล์ด
แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะกุมชะตากรรมในการลุ้นแชมป์เอาไว้ในมือเนื่องจากพวกเขาแข่งน้อยกว่า 1 แมตช์ แต่เกมนี้ “เรือใบสีฟ้า” เจอคู่แข่งสำคัญมากๆ นั่นก็คือการทำศึกดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ เยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันพุธที่ 24 เม.ย.นี้

สำหรับผลการแข่งขันบุกทุบ คาร์ดิฟฟ์ จะทำให้ “เดอะ เร้ดส์” ทวงบัลลังก์จ่าฝูงคืนมาก็ตาม เมื่อพวกเขามีแต้มนำห่าง “เรือใบสีฟ้า” 2 คะแนน แต่ทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีโอกาสที่จะพลิกกลับมาเป็นจ่าฝูงได้อีกครั้งหากเอาชนะเกมที่ต้องพบ “ปีศาจแดง” ให้ได้

ในเกมล่าสุด แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ยับไม่นับญาติต่อ เอฟเวอร์ตัน 0-4 โดยหลังจบเกมนี้ โซลชา ประกาศก้องขอเรียกศรัทธาคืนจากสาวก “เร้ด อาร์มี่” ด้วยการนำลูกทีมไล่อัด แมนฯ ซิตี้ ให้ได้ เพราะหากทีมชนะพวกเขาก็ยังมีลุ้นซิวตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า

เชื่อหรือไม่ในเกมดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ บรรดาสาวก “เดอะ ค็อป” คงพร้อมใจเชียร์ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบสุดใจขาดดิ้นชัวร์

ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก เรือใบสีฟ้า ไม่พลาดทวงฝูงคืน ล้างแค้นไก่ก่อนเยือนผี เช็ก4นัดลุ้นแชมป์ “เรือ-หงส์”

เรือใบสีฟ้า หลังดับแค้นบดเอาชนะ สเปอร์ส ไปแบบหวุดหวิด
นี่เป็น 3 ใน 4 เกมล่าสุดของลูกทีม “เป๊ป” ที่ต้องดวลแข้งกับ “ไก่เดือยทอง” หลังล่าสุดผลลัพธ์มันช่างแสนเจ็บปวดเมื่อ2เกมที่ผ่านมาในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้นต้องตกรอบด้วยน้ำมือของ สเปอร์ส แม้เกมที่สองพวกเขาจะเบียดเอาชนะแต่ต้องร่วงด้วยกฎประตูทีมเยือน ชวดโอกาสผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ

ทำให้ แมนฯซิตี้ เหลือลุ้นคว้า 3 แชมป์ในปีนี้เท่านั้น ซึ่งโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน ได้แชมป์ลีก คัพไปแล้วหนึ่ง เข้าชิงเอฟเอ คัพ กับวัตฟอร์ดหลังปิดลีก และตอนนี้ต้องพุ่งสมาธิมาเน้นกับการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้เท่านั้น

เกมนัดที่ 34 กลับมาที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม อีกหนพบกับคู่ปรับ สเปอร์ส อีกครั้ง….เกมนี้ทั้งสองทีมต่างโรเตชั่นแข้งนักเตะกันบ้าง แต่ไม่ทำให้ดีกรีความมันลดน้อยลงเท่าไหร่ สุดท้าย “เรือใบ” ล้างแค้นสำเร็จ

แม้จะหวุดหวิดแค่ 1-0 จากลูกโขกของไอ้หนู ฟิล โฟลเด้น แต่นั้นก็ทำให้ทีมสร้างสถิติซิวชัยชนะในลีกเป็นเกมที่ 10 ติดต่อกัน ทว่าทีมต้องแลกมาด้วยอาการเจ็บของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่จะพลาดเกมไปเยือนโอลด์แทร็ฟฟอร์ดกลางสัปดาห์นี้แน่นอน

กับสามแต้มสำคัญทำให้ “ซิตี้” ทะยานแซง “หงส์แดง” ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงอีกหน มี 86 คะแนน มากกว่า ลิเวอร์พูล ที่มี 85 คะแนน อยู่หนึ่งแต้ม พร้อมลูกได้เสียที่มากกว่า “เร้ด แมชีน” ถึง 8 ลูก

กลายเป็นแมนซิตี้ ที่กุมชะตาแชมป์ของตัวเอง เพราะถ้าคว้าชัยอีก 4 เกมที่เหลือได้ก็จะป้องกันแชมป์ลีกได้สำเร็จ โดยไม่ต้องไปดูผลของ “หงส์แดง” เลย

คราวนี้เรามาดูโปรแกรม 4 นัดสุดท้ายของทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และลิเวอร์พูล

แมนฯซิตี้ (34 นัด 86 คะแนน)

24 เม.ย. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เยือน)
28 เม.ย. เบิร์นลี่ย์ (เยือน)
04 พ.ค. เลสเตอร์ (เหย้า)
12 พ.ค. ไบรท์ตัน (เยือน)

ลิเวอร์พูล (34 นัด 85 คะแนน)

21 เม.ย. คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ (เยือน)
27 เม.ย. ฮัดเดอร์ฟิลด์ (เหย้า)
05 พ.ค. นิวคาสเซิ่ล (เยือน)
12 พ.ค. วูล์ฟแฮมป์ตัน (เหย้า)

ส่วนสถานการณ์ท้ายตารางหลังทั้ง ฮัดเดอร์สฟิลด์ และฟูแล่ม ร่วงตกชั้นไปสองทีมแรกแล้ว เหลืออีก 1 ทีม ต้องลุ้นกันอีกต่อไปว่าจะเป็นทีมไหนจะหล่นไปเล่นใน ลีก แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลหน้า

บอร์นมัธ เกมล่าสุดพ่ายให้ ฟูแล่ม แบบน่าเจ็บใจคาบ้านตัวเอง ทั้งที่เกมนี้หากซิวสามแต้มได้ก็จะเพิ่มโอกาสรอดตายสูง

ทางด้าน ไบรท์ตัน ทีมอันดับ 17 ได้มาอีกหนึ่งคะแนนจากเกมบุกไปเยือน วูฟ์สฯ 0-0 ทำให้ต้องลุ้นอีก 4 แมตช์ที่เหลือเช่นกัน

เช่นเดียวกับ “นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน อันดับ16 ล่าสุดบุกไปพ่าย นิวคาสเซิ่ล ทำให้ต้องดิ้นหนีตายสุดชีวิต ยิ่งเสาร์หน้าตัดแต้มกับ ไบรท์ตัน กันเองด้วยล่ะมันส์แน่

สุดท้าย คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมอันดับ 18 วันอาทิตย์นี้ต้องการสามแต้มเช่นกันเพื่อการอยู่รอด ในเกมรับมือ “หงส์แดง” ซึ่งลูกทีมคล็อปป์ก็ต้องการชัยชนะเช่นกันเพื่อการลุ้นแชมป์

ทิ้งท้ายไปดู อันดับตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมดาวซัลโวล่าสุด หลังจบเกมเมื่อวันเสาร์ที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา

นอริช เกือบแย่!ไล่ตีเชฟฯเว้นส์เดย์ทดเจ็บตำแหน่งแชมป์ ชปช. ไม่แน่เสียแล้ว

นอริช ซิตี้ จ่าฝูงและเต็งจ๋าคว้าแชมป์ออกอาการสะดุดหลังทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอ “นกเค้าแมว” เชฟฯ เว้นส์เดย์ 2-2 ในศึกฟุตบอล เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา

ครึ่งแรก นอริช ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 นาทีที่ 19 จาก มาร์โก สตีเปอร์มันน์ แต่กลับมาโดน เชฟฯ เว้นส์เดย์ ตีเสมอ 1-1 นาทีที่ 33 จาก เฟร์นานโด ฟอเรสเตียรี่

ครึ่งหลังเป็น เชฟฯ เว้นส์เดย์ แซงนำ 2-1 นาทีที่ 53 จาก สตีเว่น เฟสเซอร์ เกมทำท่าจะจบลงผลสกอร์นี้แต่แล้วนาทีที่ 90+7 นอริช ไล่ตีเสมอ 2-2 จาก มาริโอ วรันชิช และจบลงด้วยผลสกอร์นี้

นอริช ซิตี้ เก็บเพิ่มได้เพียงแต้มเดียวยังคงรั้งจ่าฝูงโดยแข่งไปแล้ว 42 นัดมี 86 คะแนน มี “ดาบคู่” เชฟฯ ยูไนเต็ด และ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด อันดับ 2 และ 3 ตามลำดับไล่จี้มาที่ 82 คะแนน แต่ทั้งสองทีมแข่งไปแล้ว 43 นัด หากดูจากสถานการณ์ดังกล่าวตำแหน่งแชมป์ลีกพระรองของอังกฤษยังคงเปิดกว้างเพราะหาก 4 เกมที่เหลือของนอริชพลาดท่า แล้ว 3 นัดที่เหลือของ เชฟฯ ยูไนเต็ด กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ดีก็มีโอกาสแซงเข้าป้ายได้เช่นเดียวกัน ต้องติดตามลุ้นกันต่อไป

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น