“แกต้องตัดสินใจเเล้วว่าแกจะออกไปเจอกับคนที่เก่งที่สุดในโลกหรือจะแค่เป็นฮีโร่แค่ในเยอรมัน ถ้าแกเลือกอย่างหลังเราจะหยุดซ้อมพิเศษกันตั้งแต่ตอนนี้ แต่ถ้าเเกอยากจะลองกับโลกกว้าง เราจะฝึกหนักกันในทุกวันๆ” นี่คือสิ่งที่ โฮลเกอร์ เกสช์วินด์เนอร์ นักบาสเก็ตบอลทีมชาติเยอรมัน และโค้ชของ โนวิตซกี้ ซึ่งตอนนั้นอยู่ในวัย 16 ปีกล่าวกับเขา ก่อนที่จะส่งผู้เล่นที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในประเทศออกไปเจอกับลีกที่ดีที่สุดในโลกอย่าง NBA ในอีก 4 ปีต่อมา
วันที่ 24 มิถุนายนปี 1998 ณ เจเนรัล มอเตอร์ เพลซ เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศเเคนาดา มีงานสำคัญสำหรับวงการบาสเก็ตบอล นั่นคือวันแห่งการดราฟต์ (ดราฟต์ เดย์) ที่เหล่าดาวเด่นจากทีมมัธยมศึกษา, มหาวิทยาลัย ทั่วฟ้าแดนมะกันจะมารวมตัวกัน ให้เหล่าทีมดังต่างๆใน NBA เลือกจั่วไพ่ขึ้นมาเป็นชื่อของพวกเขา เพื่อได้ไปร่วมทีมในสังเวียนที่เชี่ยวกราดที่สุดในโลกของวงการยัดห่วง
ในปีนั้น เดิร์ก โนวิตซกี้ เด็กหนุ่มวัย 20 ปี ชาวด๊อยท์ช เป็นเพียง 1 เดียวที่ไม่ได้มาจากโรงเรียน และมหาวิทยาลัยในอเมริกา เขามาจาก DJK เวิร์ซบวร์ก ทีมในระดับ 2 ของลีกบาสเก็ตบอลของ เยอรมัน และได้เข้าร่วมวินาทีแห่งประวัติศาสตร์นี้
ณ ตอนนั้น โนวิตซกี้ คือดราฟต์ลำดับที่ 9 ในจำนวนรุกกี้ทั้งหมด เขาถูก มิลวอกี้ บัคส์ เลือกนำมาสู่ทีม ทว่าการถูกเลือกของของเขาเกิดขึ้นเพราะทางฝั่ง บัคส์ ตั้งใจให้เป็น Sign and Trade (การดราฟต์ตามลำดับไปก่อนและค่อยไปเทรดกับผู้เล่นของทีมอื่น) ความหมายโดยนัยคือ … บัคส์ เองไม่ได้กะใช้งานแต่เเรกอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการดึงเอา โนวิตซกี้ เข้ามาไว้ก่อน เพื่อจะใช้เป็นของแถมเทรดไปให้ ดัลลัส แมฟเวอริคส์ พร้อมๆ กับ พอล การ์ริตี้ ขณะที่ บัคส์ นั้นยิ้มหน้าชื่นตาบานเพราะพวกเขาได้ผู้เล่นที่เป็นดราฟต์ลำดับ 6 ของลีกอย่าง โรเบิร์ต เทย์เลอร์ ที่เป็นดาวเด่นจาก มิชิเเกน ที่ แมฟส์ ส่งมาให้ใช้แทนที่
ณ เวลานั้นทุกคนต่างพากันสงสัยว่า แมฟส์ เอา โนวิตซกี้ มาทำไม?
เอามาทำไม?
คำถามนี้ ดอน เนลสัน โค้ชของ แมฟส์ ให้เหตุผลที่เขายอมเสียดราฟต์อันดับ 6 อย่าง เทย์เลอร์ เพื่อเอา ดราฟต์อันดับ 9 ของ โนวิตซกี้ มาแทนก็ด้วยเหตุผลที่ว่า บัคส์ เป็นฝั่งจิ้มเอา โนวิตซกี้ ไปก่อนต่างหาก นั่นหมายความว่า โนวิตซกี้ คือ แผนที่ แมฟส์ วางไว้และเป็น 1 ในตัวเลือกในใจของ ดอน เนลสัน ตั้งแต่แรกเเล้ว เขายืนยันว่า โนวิตซกี้ คือสิ่งที่สามารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็นบิ๊กดีล แต่แน่นอนวาเมื่อเจ้าหนุ่มจากเยอรมันยังไม่ได้พิสูจน์อะไรมันก็จึงเป็นเรื่องที่ใครต่อใครยากจะเชื่อ
โนวิตซกี้ ต้องพบกับสถานะที่เป็นเหมือนตัวแถมในเวลานั้น มันเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องเข้าใจว่าเเต้มต่อของเขายังเป็นรองผู้เล่นหลายๆคนในการดราฟต์รุ่นเดียวกันกว่าที่ โนวิตซกี้ จะถูกเรียกว่าผู้เล่นของ ดัลลัส แมฟเวริคส์ ได้เต็มปากเขาต้องแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาในเกมที่เรียกว่า พิคอัพ เกมส์ ซึ่งเป็นเหมือนเกมโชว์ฝีมือที่มีอยู่ให้ทีมงานที่คอยจับตาดูอยู่ได้เห็น
ก่อน พิคอัพ เกมส์ ของ แมฟส์ ก่อนฤดูกาล 1998-99 จะเริ่ม มีอดีตนักบาส NBA หลายคนมาอยู่ในสนาม เบย์เลอร์ เฮลต์ เซนเตอร์ เพื่อมาดูฟอร์มหน้าใหม่ โดยเฉพาะรุกกี้อย่าง โนวิตซกี้ ที่สูง 7 ฟุต แต่ตัวกลับผมกระหร่องจนไม่น่าจะทนแรงปะทะไหว
“ไอ้หมอนี่สูงเท่าไหร่” ชายคนแรกโพล่งถาม
“7 ฟุตเลยล่ะ” คำตอบจากชายคนที่สอง
“ไม่หรอกมั้ง? ดูแล้วไม่น่าถึง 7 ฟุตหรอก ทรงบอลไอ้หมอนี่ไม่ไหวเลย แถมยังดูขี้เกียจอีกต่างหาก ผมว่าเขาไม่น่าถึง 7 ฟุตนะ” ชายคนแรกเห็นแววไม่น่ารุ่งจึงตอบกลับไปเช่นนั้น
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน มีเสียงแทรกมาจากชายคนที่ 3 ที่เห็นต่างออกไป “จะ 7 ฟุตหรือเปล่าไม่รู้ แต่เขาจะเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ได้แน่”
การถกเถียงจบลงด้วยความคิดเห็นของชายคนที่ 4 ซึ่ง “คุณจะบอกว่าเขาจะกลายเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ทั้งๆที่เขาเล่นแค่ พิคอัพ เกม ไม่ได้หรอก มันไม่เหมือนกับเกมจริง เราจะรู้ก็ต่อเมื่อได้ยินเสียงหอบของเขาหลังจากโดน สก็อตตี้ พิพเพ่น เผาเครื่องเป็นเวลา 40 นาที หรือการโดน ชาร์ลส์ โอ๊คลี่ย์ ไล่ถลุงนู่นแหละ”
แม้จะดูเป็นคำพูดที่โหดร้ายแทงใจ แต่เรื่องจริงก็เป็นเช่นนั้น โนวิตซกี้ มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการปรับสไตล์ของตัวเองให้ทันศึก NBA ที่มีความแตกต่างกว่าลีกเยอรมันที่เขาจากมาเยอะ ทั้งการเจอกับคู่แข่งที่ร่างกายที่แข็งแกร่งมากกว่า และสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอ
ขอบคุณแหล่งที่มา https://www.sanook.com