Design a site like this with WordPress.com
เริ่มได้

ลากาแซตต์ เบิ้ล-โอบายิงปิด’ อาร์เซน่อลอัดแซงบาเลนเซียศึกยูโรปา

ลากาแซตต์ ตะบันสองตุง ขณะที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ซัดส่งท้ายช่วย “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เปิดบ้านยิงแซงเก็บชัยเหนือ “ไอ้ค้างคาว” บาเลนเซีย 3-1 กุมความได้เปรียบเอาไว้ได้ก่อน ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา

“ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ผลงานในลีกไม่สู่ดีล่าสุดบุกโดน “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ ขย้ำ 0-3 เกมนี้เล่นในบ้านจึงต้องเน้นหนักหวังกู้หน้าคืนกลับมาให้แฟนบอล

ข่าวคาดว่าจะไม่มี ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ร่วมทัพแต่เมื่อเผยรายชื่อ 11 ตัวจริงออกมา ปืนใหญ่ ใส่ไม่ยั้งหวังผลิตสกอร์ วางคู่หน้า ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง กับ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ โดยมี เมซุต โอซิล คอนป้อนสะพานปืนในตำแหน่งหน้าต่ำ

ฝั่ง “ไอ้ค้างคาว” บาเลนเซีย เห็นได้ชัดว่าเกมนี้ต้องการอย่างน้อยหนึ่งแต้มจัดทัพมาตั้งรับในระบบ 5-4-1 โดยห้อย โรดริโก้ โมเรโน่ ดาวยิงตัวเก่งไว้รอสวนกลับแต่เพียงหน่อเดียว

เริ่มเกมเพียง 54 วินาที อเล็กซองค์ ลากาแซตต์ ถูกผู้เล่นบาเลนเซียเบียดล้มลงในเขตโทษแต่ ผู้ตัดสินชาวฝรั่งเศสชี้ให้เป็นลูกตั้งเตะจากเขตประตูสร้างเสียงฮือฮาให้กับแฟนปืนโตทั่วทั้งสนาม

นาทีที่ 8 บาเลนเซีย หวิดได้ประตูขึ้นนำก่อนจากจังหวะลูกฟรีคิกระยะประมาณ 40 หลาที่เปิดไปด้านข้างให้ โรดริโก้ โมเรโน่ ก่อนตวัดจากริมเส้นฝั่งซ้าย

แต่แล้วนาทีที่ 11 ไอ้ค้างคาว ได้กระพือปีกสนั่นเมื่อออกนำไปก่อน 1-0 จะลูกเตะมุม ดานี่ ปาเรโฆ เปิดบอลเลยไปเสาไกล โรดริโก้ โมเรโน่ โหม่งย้อนกลับมาเข้าหัว มุคตาร์ เดียกาบี้ ขึ้นโขกระยะเผาขนไม่เหลือซาก

4 นาทีถัดมาทีมเยือนเกือบนำห่างอีกครั้ง ดานี่ ปาเรโฆ ได้โอกาสซัดไกลแต่ไปติดเซฟ ปีเตอร์ เช็ก ที่พุ่งปัดไว้ได้

นาทีที่ 18 อาร์เซน่อล ตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ให้ความเร็วกระชากหนีแผงหลังไอ้ค้างคาวหลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนหักหลอกเข้าขวาแล้วถวายพานให้ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ วิ่งเข้ามาแปด้ายเท้าซ้ายส่งบอลไปกองก้นตาข่ายอย่างง่ายดายเรียกได้ว่าคู่หน้ามหาประลัยจริงๆ

นาทีที่ 24 โรดริโก้ โมเรโน่ ศูนย์หน้าบาเลนเซีย ได้ซัดไกลอีกครั้งแต่คราวนี้ไปติดบล็อกแผนหลังเจ้าถิ่น

นาทีถัดมาเป็น อาร์เซน่อล แซงนำ 2-1 กรานิต ชาคา เปิดบอลโด่งโค้งทางฝั่งซ้ายไปเข้าหัว อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ขึ้นโขกโล่งๆ ก่อนถูก เนโต้ นายด่านทีมเยือนปัดได้ในจังหวะแรกแต่ไปชนเสาก่อนเจ้าตัวจะปัดบอลออกมาอีกครั้ง และในจังหวะนี้เองผู้ช่วยผู้ตัดสินเพิ่มเติมที่ 1 ( โกลไลน์) ส่งสัญญานว่าลูกบอลผ่านเส้นประตูเข้าไปแล้ว กเลมงต์ ตูร์กแป็ง ท่านเปาเกมนี้จึงให้สัญญานเป็นประตูทันที และเมื่อกลับมาย้อนดูภาพช้าจากเทคโนโลยีโกลไลน์อีกครั้งจะเห็นได้ว่าบอลได้ผ่านเส้นประตูเข้าไปอย่างชัดเจน และนับเป็นประตูที่สองของ ลากาแซตต์ ในเกมนี้อีกด้วย

ทัพปืนโตเหมือนได้ใจ นาทีที่ 33 ได้ลุ้นอีกครั้งเมื่อ โอบาเมยอง เอี้ยวตัววอลเล่ย์ซัดเข้าที่บอลแบบไม่จับในกรอบเขตโทษบาเลนเซียทางฝั่งขวาระยะไม่ถึง 15 หลาแต่เหมือนโดนไม่ดีบอลตกกระดอนที่พื้นก่อนหลุดออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 36 บาเลนเซีย ได้ฟรีคิกระยะประมาณ 30 หลา ดานี่ ปาเรโฆ วิ่งเข้ามาตะบันเต็มข้อบอลเหินข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น

เจ้าถิ่นยังโหม่บุกอย่างหนักเพื่อหวังบอกสกอร์เพิ่มแต่ทำไม่ได้จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล แซงนำ บาเลนเซีย 2-1

เริ่มทำการแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 50 การ์ลอส โซเลร์ ของบาเลนเซียได้หวดเต็มข้อบอลไปโดนฝั่งเดียวกันเองทำท่าจะเปลี่ยนทางแต่หลุดออกด้าข้างไปอย่างน่าเสียดาย

เลยมาถึงนาทีที่ 57 เจ้าถิ่นต่อบอลขึ้นไปถึง ลากาแซตต์ ทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนส่งต่อให้ มัตเตโอ เกนดูซี่ ปั่นโค้งหน้ากรอบเขตโทษบาเลนเซีย แต่ไปติดบล็อกผู้เล่นทีมเยือนออกไป

นาทีที่ 63 อาร์เซน่อล ได้ลุ้นอีกครั้ง โอบาเมยอง สับหลอกทางริมเส้นฝั่งซ้ายแล้วเปิดบอลโด่งเลยไปถึง ลากาแซตต์ ที่ยืนโหม่งโล่งๆ แต่เจ้าตัวดันวืดกลายเป็นโขกลมแทนลูกบอล ถึงนาทีนี้ อาร์เซน่อล ครองเกมได้มากกว่าถึง 69 ต่อ 31 เปอร์เซ็นต์

ทัพปืนใหญ่พลาดโอกาสทองอีกครั้งนาทีที่ 67 เมื่อ ลากาแซตต์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงแบบดวลเดี่ยวกับ เนโต้ นายด่านทีมเยือนแต่กลับยิงไปติดขา และซ้ำดาบสองยังไปติดมือ เนโต้ อีกครั้ง ลากาแซตต์ ถึงกับเอามือกุมหน้าเพราะพลาดบวกสกอร์ให้ต้นสังกัดและพลาดทำแฮตทริกให้ตัวเองในเกมนี้

นาที่ที่ 73 บาเลยเซีย ได้ลุ้นตีเสมอ ดานี่ ปาเรโฆ แทงบอลให้ เควิน กาเมโร่ หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดแต่ ปีเตอร์ เช็ก ออกมาปิดมุมไวทำให้แทบไม่เหลือมุมยิงและโดนตัว เช็ก ออกด้านข้างไป

มาถึงนาทีที่ 82 ทีมเยือนโหมบุกขึ้นมาอีกครั้งและจบที่ เควิน กาเมโร่ ซัดไม่ถึง 10 หลาข้ามคานอย่างน่าเสียดาย

ทัพปืนโตมาได้ประตูตอกฝากโลงนาทีที่ 90 ลากาแซตต์ ซัดไปติดเซฟ เนโต้บอลกระดอนมาเข้าทาง ลากาแซตต์ อีกครั้งก่อนส่งให้ เซอัด โคลาซินัช ปั่นโค้งจากริมเส้นเลยไปถึง โอบาเมยอง ที่ตัดสินใจซัดแบบไม่จับเข้าไปโคนเสาเรียกได้ว่ามุมแทบจะไม่มีให้ยิง ส่ง อาร์เซน่อล นำห่าง 3-1

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกม อาร์เซน่อล เปิดบ้านรัวแซง บาเลนเซีย 3-1 เก็บชัยไปได้ก่อนแต่ยังต้องกลับไปลุ้นต่อนัดสองที่รังไอ้ค้างคาวอีกนัด

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล (3-4-1-2) : ปีเตอร์ เช็ก – โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ (นาโช่ มอนเรอัล น.82), ชโคดราน มุสตาฟี่ – เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส, มัตเตโอ เกนดูซี่ (ลูกัส ตอร์เรยร่า น.58), กรานิต ชาคา, เซอัด โคลาซินัช – เมซุต โอซิล (เฮนริค มคิทาร์ยาน น.75) – ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง, อเล็กซองด์ ลากาแซตต์

บาเลนเซีย (5-4-1) : หลุยส์ เนโต้ – โฆเซ่ หลุยส์ กาย่า, กาเบรียล เปาลิสต้า, เอเซเกล การาย, มุคตาร์ เดียกาบี้, ฟาคุนโด้ รอนคาย่า – กอนคาโล่ กูเอเดส (เควิน กาเมโร่ น.71), ดานี่ ปาเรโฆ, การ์ลอส โซเลร์ (ดาเนียล วาสส์ น.71), คริสเตียโน่ ปิคซินี่ – โรดริโก้ โมเรโน่ (ซานติ มิน่า น.88)

ฟรีคิกเฉียบ! ลากาแซตต์ ยิงชัยส่ง อาร์เซน่อล บุกเชือด นาโปลี เข้ารอบรองฯยูโรปา

ลากาแซตต์ ซัดฟรีคิกประตูโทนสุดสวยช่วย “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล บุกย้ำแค้นเฉือนชัยเหนือ นาโปลี 1-0 รวมผลสองนัดผ่านเข้ารอบต่อไปสบาย ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง) เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา

นาทีที่ 9 อาร์เซน่อล ขึ้นเกมรุกมาทางฝั่งซ้าย อารอน แรมซี่ย์ โดนกระแทกล้มลงในเขตโทษแต่ผู้ตัดสินเมินเฉยโดยมองว่า แรมซี่ย์ ล้มง่ายเกินไปและแข้งนาโปลีเบียดแย้งเจตนาเล่นที่บอล

เลยมาถึงนาทีที่ 24 นาโปลี ส่งบอลเข้าไปกองก้นตาข่ายโดย อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค หลุดไปชิพบอลผ่านตัว ปีเตอร์ เช็ก แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเป็นลูกล้ำหน้าเจ้าถิ่นพลาดประตูขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 28 นาโปลี ได้ลุ้นอีกครั้ง พิโอเตอร์ ซีลินสกี้ โดยบอลไปให้ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิ ล้มตัวโขกโล่งๆ แต่ทิศทางไม่ดีเหินข้ามคานออกไป

ผ่านมาถึงนาทีที่ 36 อาร์เซน่อลได้ประตูขึ้นนำจนได้ 1-0 จากลูกฟรีคิกกลางกรอบเขตโทษระยะประมาณ 25 หลา เป็น อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ รับหน้าที่สังหารปั่นบอลโค้งอ้อมกำแพงเสียบโคนเสาเข้าไปอย่างสวยงาม

นาทีที่ 34 อารอน แรมซี่ย์ ได้รับบาดเจ็บหนักเล่นต่อไม่ไหว อาร์เซน่อลต้องเปลี่ยน เฮนริค มคิทาร์ยาน ลงเล่นแทน

นาที่ที่ 39 ลากาแซตต์ หลุดขึ้นไปเปิดบอลทางฝั่งซ้ายเลยออกเสาไกลไปหน้าตาเฉย โดยที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง วิ่งเข้ามาที่จุดนัดหมายไม่ทัน

นาทีที่ 41 นาโปลี โหมบุกขึ้นมาอีกครั้ง และได้ลุ้นจากลูกโหม่งของ โฆเซ่ กาเยฆอน แต่ยังคุมน้ำหนักและทิศทางไม่ได้บอลเหินข้ามคานไปไกล

นาทีถัดมายังคงเป็นนาโปลี ลอเรนโซ่ อินซินเย่ เปิดบอลโด่งสุดเส้นฝั่งซ้ายเลยมาเข้าทาง โฆเซ่ กาเยฆอน หวดเต็มข้อแบบไม่จับแต่ทิศทางยังคงไม่ได้บอลหลุดออกข้างเสาไปอีกครั้ง

จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล บุกมานำ นาโปลี เจ้าถิ่น 1-0 โดยสถิติการครองบอลเป็น นาโปลี ที่ดีกว่าถึง 61 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ อาร์เซน่อล ทำได้เพียง 39 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น

ครึ่งหลังนาทีที่ 47 เป็นนาโปลี ที่โหมบุกอย่างหนักได้ลุ้นบวกสกอร์ 24 กระชากไปสุดริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนส่งย้อนมาให้ 8 วิ่งเข้ามาซัดข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 58 ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง หวิดทำประตูให้ทัพปืนโตได้แต่ไม่ผ่านมือ อเล็กซ์ เมเร็ต ที่ป้องกันได้ดีกว่า

นาโปลี ยังคงเป็นฝ่ายที่ครองเกมได้มากกว่า นาทีที่ 66 อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค ได้กลับตัวยิงในเขตโทษแต่ไปติดแข้งทีมเยือนกลายเป็นลูกเตะมุม

ท้ายเกมอาร์เซน่อล ได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้ายริมเส้นกรอบประตู เฮนริค มคิทาร์ยาน ยิงข้ามคานออกไป

จบเกม อาร์เซน่อล บุกมาย้ำชัยเหนือ นาโปลี 1-0 รวมผลสองนัดทัพปืนโตผ่านเข้ารอบต่อไปสบายหายห่วงด้วยสกอร์ 3-0

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
นาโปลี (4-4-2) : อเล็กซ์ เมเร็ต – ฟาอูซี่ กูล็อม (มาริโอ รุย น.71), วลาด ชิริเชส, คาลิดู คูลิบาลี่, นิโกล่า มาร์กซิโมวิค (ดรีส์ เมอร์เท่นส์ น.46) – โฆเซ่ กาเยฆอน, อัลลัน, ฟาเบียน รูอิซ, พิโอเตอร์ ซีลินสกี้ – ลอเรนโซ่ อินซินเย่ (อามิน ยูเนส น.61), อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค

อาร์เซน่อล (3-4-1-2) : ปีเตอร์ เช็ก – โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, อิ๊กนาซิโอ มอนเรอัล – เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส, กรานิต ชาคา (โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ น.61), ลูคัส ตอร์เรยร่า, เซอัด โคลาซินัช – อารอน แรมซี่ย์ (เฮนริค มคิทาร์ยาน น.34) – ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง, อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ (อเล็กซ์ อิโวบี้ น.68)

“แรมซี่ย์” ซัดเปิด!อาร์เซน่อลเฮก่อนหลังไล่ต้อนนาโปลีศึกยูโรปาลีก

แรมซี่ย์ ซัดประตูเปิดฝากล่องช่วย “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เปิดบ้านเก็บชัยไว้ได้ก่อนโดยเอาชนะด้วย นาโปลี 2-0 ในศึกฟุตบอล ยูโรปา ลีก (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก) คืนวันวันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา

ครึ่งแรกมาถึงนาทีที่ 12 นาโปลี ได้ลุ้นจากลูกเตะมุมไปเข้าหัว คาลิดู กูลิบาลี่ ที่เติมขึ้นมาลอยตัวโขกโล่งๆ แต่คุมทิศทางไม่ดีบอลเหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 14 อาร์เซน่อล ได้ประตูนำ 1-0 จากจังหวะต่อบอลสุดสวยจากการตัดบอลได้ครึ่งสนามมาถึง อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ ทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนส่งต่อให้ เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์ – ไนล์ส ที่เหมือนจะทรงตัวไม่อยู่แต่ยังล้มตัวผ่านบอลให้ อารอน แรมซี่ย์ วิ่งเข้ามาบรรจงแปแบบไม่จับเล่นทางเข้าเสาไกลโดยที่ อเล็กซ์ เมเร็ต นายด่านนาโปลีพยายามพุ่งปัดสุดเอื้อมแต่ไม่ถึง

เลยมาถึงนาทีที่ 25 ปืนใหญ่ ลั่นกระสุนนำห่าง 2-0 เมื่อ ลูกัส ตอร์เรร่า ตัดบอลจากแข้งนาโปลีได้ แล้วโซโล่เดี่ยวกระชากจึ้ก่อนหักหลอก ฟาเบียน รูอิซ แล้วซัดด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งไปโดน คาลิดู กูลิบาลี่ เปลี่ยนทางเข้าไป อเล็กซ์ เมเร็ต ได้แต่ป้องกันด้วยสายตาเท่านั้นนับว่าเป็นความเก่งผสมกับโชคดีของอาร์เซน่อลอีกด้วย

นาทีถัดมาอาร์เซน่อล ยังได้ใจ โอบาเมย็อง ได้แปเน้นๆ ทางฝั่งซ้ายแต่ไปเข้ามือ อเล็กซ์ เมเร็ต รับไวได้

เลยมาถึงนาทีที่ 39 โอบาเมย็อง ได้ตั้งป้อมส่องหน้ากรอบเขตโทษทีมเยือนบอลทะยานแรงแต่ถูกปฏิเสธโดย อเล็กซ์ เมเร็ต ทีล้มตัวปัดไว้ได้บอลทำท่าจะกระฉอก ลากาแซ็ตต์ เตรียมวิ่งเข้ามาซ้ำดาบสองแต่ เมเร็ต ยังตามไปตะครุบไว้ได้

นาทีที่ 41 นาโปลี ตอบโต้กลับมาบ้าง มาริโอ รุย ส่องไกลด้วยเท้าขวาหน้ากรอบเขตโทษอาร์เซน่อล แต่ทิศทางไม่ดีข้ามคานออกไปไกล

นาทีที่ 44 ทีมเยือนพลาดโอกาสตีตื้นอย่างน่าเสียดายเมื่อ โฆเซ่ กาเยฆอน หลุดขึ้นไปเปิดบอลริมเส้นฝั่งขวาหักข้อย้อนมาถึง ลอเรนโซ่ อินซินเย่ วิ่งเข้ามากดเต็มข้อระยะประมาณ 15 หลากลางประตูแต่ทิศทางไม่ดีบอลเลยโด่งออกไปไกล

จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล เปิดบ้านนำห่าง นาโปลี 2-0

เริ่มครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 53 นาโปลีได้ลุ้นประตู เอลซิด ไฮซาจ ขึ้นโหม่งจากลูกเปิด้านข้างแต่ไม่ค่อยถนัดบอลย้อยทำท่าจะเสียบใต้คานแต่ ปีเตอร์ เช็ก ไม่ปล่อยให้ผ่านมือลอยตัวปัดด้วยปลายมือไว้ได้อย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 58 ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง หลุดขึ้นไปทางฝั่งซ้ายในเขตโทษทีมเยือนก่อนตัดสินใจซัดด้วยเท้าซ้ายแต่โดนแข้งนาโปลียืนขาป้องกันไว้ได้

นาทีที่ 66 อาร์เซน่อล ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นพร้อมกันถึงสองคน โดยถอด อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ และส่ง อเล็กซ์ อิโวบี้ ลงมาแทน อีกคนเป็น เมซุต โอซิล ที่เกมนี้ขุดฟอร์มเก่งไม่ออกโดยส่ง เฮนริค มคิทาร์ยาน ลงเล่นแทน

นาทีที่ 72 นาโปลี พลาดได้ประตูตีไข่แตกอย่างเหลือเชื่อ เมื่อ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ได้โอกาสหลุดขึ้นไปเปิดบอลริมเส้นฝั่งขวาเลยไปถึง ปิโอเตอร์ เซลินสกี้ ที่ไร้แข้งอาร์เซน่อลประตามประกบก่อนเจ้าตัวจะล้มตัวจิ้มบอลโล่งๆ โดยที่ ปีเตอร์ เช็ก ก็ตามป้องกันไม่ทัน แต่เจ้ากรรมบอลดันเหินข้ามคานไปแบบไม่เชื่อสายตาแฟนบอลทั้งสนาม

นาทีที่ 80 อาร์เซน่อล น่าจะได้ประตูนำขาด เมื่อ แรมซี่ ได้จังหวะหวดเต็มข้อบริเวณจุดโทษแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะวางเท้าไม่ดีบอลจึงเหินค้ามขานออกไปแบบน่าเสียดาย

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกม อาร์เซน่อล เปิดบ้านเก็บชัยเหนือ นาโปลี 2-0 แต่ยังคงต้องไปลุ้นต่อนัดสองต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล (3-4-1-2) : ปีเตอร์ เช็ก – นาโช่ มอนเรอัล, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลส – เซอัด โคลาซินัช, อารอน แรมซี่ย์, ลูกัส ตอร์เรร่า (โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ น.77), เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์ – ไนล์ส , เมซุต โอซิล (เฮนริค มคิทาร์ยาน น.66) – อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ (อเล็กซ์ อิโวบี้ น.66), ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง

นาโปลี (4-4-2) : อเล็กซ์ เมเร็ต -เอลซิด ไฮซาจ, นิโคล่า มักซิโมวิช, คาลิดู กูลิบาลี่, มาริโอ รุย – โฆเซ่ กาเยฆอน, อัลลัน, ฟาเบียน รูอิซ (อดัม อูนาส์ น.82), ปิโอเตอร์ เซลินสกี้ – ลอเรนโซ่ อินซินเย่ (อามิน ยูเนส น.82), ดรีส์ เมอร์เท่นส์ (อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค น.66)

ปกป้องลูกพี่! โอซิล เดือดขว้างเสื้อโค้ทใส่ซิลวา

โอซิล จอมทัพอาร์เซน่อล อดรนทนไม่ไหวเห็น อูไน เอเมรี่ กุนซือตัวเอง มีปากเสียงกับ มาร์โก ซิลวา บริเวณริมเส้นข้างสนาม ก็เลยขอร่วมแจมด้วยการขว้างเสื้อโค้ทใส่ ผู้จัดการทีมเจ้าบ้าน แบบไม่เกรงใจ งานนี้ทำเอาหลายคนแซมสนั่นในโลกออนไลน์ก็สนุกเลยทีเดียว
เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์ชาวเยอรมันของ อาร์เซน่อล มีส่วนพัวพันกับเหตุการณ์มีปากเสียงระหว่าง มาร์โก ซิลวา กับ อูไน เอเมรี่ กุนซือ “ไอ้ปืนใหญ่” เมื่อเขาขว้างเสื้อโค้ทใส่ นายใหญ่เอฟเวอร์ตัน เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา

เกมที่สนามกูดิสัน พาร์ค เจ้าบ้านได้ประตูนำตั้งแต่สิบนาทีแรกจาก ฟีล จากีลก้า หลังจากนั้น อาร์เซน่อล พยายามที่จะทวงประตูคืนให้ได้ทำให้เกมเข้มข้นดุเดือดยิ่งขึ้น โดยมีอยู่จังหวะหนึ่งที่ ชโคดราน มุสตาฟี่ เข้าเสียบหนักใส่ โดมินิก คัลเวิร์ท-เลวิน ต่อหน้าสองกุนซือ และทำให้ทั้งคู่ปะทะคารมอย่างดุเดือนบริเวณริมเส้นข้างสนาม

ขณะนั้น จอมทัพเลือดด๊อยท์ช ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 74 เกิดตบะแตกเหมือนกันก็เลยตัดสินใจเข้าร่วมแจมด้วยโดยเขาหยิบเสื้อโค้ทของตัวเองขว้างใส่ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส แบบไม่เกรงใจ โดยในจังหวะดังกล่าว มุสตาฟี่ โดนใบเหลืองไปโดยปริยาย

อาร์เซน่อลพลิกนรกอัดแรนส์แซงทะลุยูโรปา

       อาร์เซน่อล เปิดบ้านรัวใส่ แรนส์ 3-0 ครบสองนัด อาร์เซน่อล ทำประตูรวมแซงเข้ารอบได้สำเร็จที่สกอร์ 4-3 ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก (รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง) เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา

เริ่มเกมได้เพียงนาทีที่ 5 เท่านั้น “ปืนใหญ่” ที่เปิดเกมบุกเต็มตัวได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะรุกขึ้นมาทางฝั่งขวา อารอน แรมซี่ย์ หักข้อผ่านบอลไปที่จุดนัดพบจบสกอร์โดย ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง เบียดเอาชนะแผงหลังแรนส์ก่อนยื่นเท้าซ้ายแปบอลสวนตัว โทมัส คูเบ็ค เข้าไป ทำให้ผลรวมประตูตีตื้นขึ้นมาเป็น 2-3

นาทีที่ 15 อาร์เซน่อล ได้ประตูที่ต้องการนำห่าง 2-0 จากความขยันของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ที่ใช้ความเร็วบวกความขยันวิ่งไปเปิดบอลจากเส้นหลังฝั่งซ้ายโด่งย้อนไปเข้าหัว เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส ที่เติมเกมขึ้นมาและโถมตัวขึ้นโหม่งเหน่งๆ เข้าไปเล่นเอาตาข่ายสะเทือน เมื่อย้อนดูภาพช้าลูกเปิดของ โอบา บอลทาบเส้นหลังพอดิบพอดี ทำให้ อาร์เซน่อล มีผลรวมประตูตีขึ้นมาเป็น 3-3 และหากจบเกมที่สกอร์นี้จะเป็นยอดทีมจากเกาะอังกฤษเข้ารอบทันทีด้วยกฏอเวย์โกล

ใบเหลืองแรกของเกมเกิดขึ้นหลังผ่านครึ่งชั่วโมงไปได้แค่หนึ่งนาทีเป็นของ อเล็กซองด์ ลากาแซต ดาวยิงเจ้าถิ่นที่ไปตัดฟาวล์ด้านหลังใส่ แบ็งฌาแม็ง อ็องเดร แบบไร้ซึ่งการเล่นบอลทำให้ อันดริส เตรมานิส ท่านเปาจากลัตเวียควักใบเหลืองแจกให้โดยไม่ลังเล

นาทีที่ 34 ปืนใหญ่ได้ลุ้นอีกครั้ง เมซุส โอซิล เปิดบอลไปให้ โอบาเมย็อง กระโดดตีลังกายิงในเขตโทษแรนส์ประมาณ 13 หลาแต่ดันไปโดนหน้าแข้งทำให้บอลทิศทางคุมไม่ได้ออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 38 ยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษได้ลุ้นอีกครั้ง โอซิล กระชากบอลขึ้นมาทางฝั่งขวาส่งต่อให้ โอบาเมย็อง แล้วคืนย้อนให้ อารอน แรมซี่ย์ วิ่งเข้ามาแปเน้นๆ แต่ดันไปตรงตัวนายด่านแรนส์รับเข้ามือไว้ไร้ปัญหา

จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล นำ แรนส์ 2-0

เริ่มครึ่งหลังได้เพียงสองนาที แรนส์ หวิดทวงประตูคืนได้ กเลมงต์ เกรอนิเย่ร์ หวดเต็มข้อกลางกรอบเขตโทษอาร์เซน่อลประมาณ 20 หลาบอลพุ่งดุจจรวดทางเรียบผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก นายด่านร่างโย่งไปชนเสาอย่างจังแถมบอลไม่เป็นใจกระดอนออกไปไกล

นาทีที่ 50 อาร์เซน่อล ตอบโต้กลับขึ้นมาบ้าง โอบาเมย็อง ใช้ความสามารถเฉพาะตัวกระชากบอลเข้าไปเปิดยัดในเขตโทษทีมเยือนแต่ โทมัส คูเบ็ค ดักทางพุ่งรับบอลไว้ได้

เลยผ่านมาถึงนาทีที่ 72 อาร์เซน่อล ได้ประตูนำห่าง 3-0 จากจังหวะที่ เซอัด โคลาซินัช กระชากไปริมเส้นฝั่งซ้ายแล้วผ่านบอลเลยมาถึง โอบาเมย็อง ยืนแปแบบไร้ตัวประกบเข้าไปง่ายดาย นับเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้อีกด้วย

โอบาฯ แสดงความดีใจด้วยการควักหน้ากาก “แบล็ค แพนเธอร์” ออกมาใส่เรียกเสียงเฮได้อีกเท่าตัวจากสาวกปืนโต

นาทีที่ 82 โอบาเมย็อง หวิดทำแฮตทริกให้ตัวเองเมื่อหลุดเดียวไปจิ้มบอลหนีมือ โทมัส คูเบ็ค นายทวารแรนส์ แต่หลุดออกเสาไปนิดเดียว

นาทีถัดมา โอบาเมย็อง ทำสกอร์หายวับไปในอากาศแบบไม่น่าให้อภัยเมื่อ แรมซี่ย์ ผ่านบอลให้ดาวยิงกาบองแปไม่ถึง 5 หลาแบบโล่งๆ แต่ดันวืดโดนปลายเท้ากระดอนออกไป

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกม อาร์เซน่อล เปิดบ้านอัด แรนส์ 3-0 เมื่อรวมผลเป็น อาร์เซน่อล พลิกนรกแซงเข้ารอบ ก่อนรองฯ หรือ 8 ทีมสุดท้ายไปที่สกอร์ 4-3

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล (3-4-1-2) : ปีเตอร์ เช็ก – ชโคดราน มุสตาฟี่, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, นาโช่ มอนเรอัล – เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส, อารอน แรมซี่ย์( ลูคัส ตอร์เรยร่า น.87), กรานิต ชาคา, เซอัด โคลาซินัช – เมซุส โอซิล (เฮนริค มคิทาร์ยาน น.70) – ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ (อเล็กซ์ อิโวบี้ น.70)

แรนส์ (4-4-2) : โทมัส คูเบ็ค – อามารี่ ตราโอเร่, ดาเมียง ดา ซิลวา, เอ็ดสัน อ็องเดร ซิโตเอ้ “เมเซอร์”, รามี เบนเซไบนี่ – อิสไมล่า ซาร์, แบ็งฌาแม็ง อ็องเดร (เจมส์ เลอา ซิลิกี น.79), กเลมงต์ เกรอนิเย่ร์ (อาเดรียง อูนู น.70), เบนฌาแม็ง บูริโกด์ – ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา, เอ็มบาย เนียง