Design a site like this with WordPress.com
เริ่มได้

สถิติอีกแล้ว เคอร์ติส โจนส์ ขึ้นหิ้งกัปตันทีมหงส์แดง อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์

เคอร์ติส โจนส์ ขยันทำสถิติใหม่จริงๆสำหรับกลุ่มนี้ ปัจจุบัน เคอร์ติส โจนส์ เปลี่ยนเป็นกัปตันทีมหงส์แดง ชุดใหญ่ ที่อายุต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ชมรมเป็นระเบียบแล้ว

สำนักข่าวต่างชาติ รายงานวันที่ 5 กุมภาพันธ์ว่า เคอร์ติส โจนส์ มิดฟิลด์ดาวรุ่ง สร้างสถิติให้กับสโมสรอีกแล้ว เมื่อกลายเป็นกัปตันทีมหงส์แดง ชุดใหญ่ ที่อายุต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์

ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 นัดหมายแข่งขันใหม่ เมื่อวานนี้ ลิเวอร์พูล หงส์แดง ที่ส่งนักฟุตบอลดาวรุ่งลงทุกตำแหน่ง เปิดสนามแอนฟิลด์ เชือดชนะชรูว์สบิวรี 1-0 เป็นเหตุให้เกิดสถิติใหม่ของชมรมอีกแล้ว โน่นเป็น โจนส์ แปลงเป็นกัปตันกลุ่มหงส์แดง ชุดใหญ่ ที่อายุต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยแก่ 19 ปี 5 วัน เพียงแค่นั้น

สำหรับ โจนส์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่เกิดในเมืองหงส์แดง อยู่กับกลุ่มมาตั้งแต่ชุดเยาวชน มาตั้งแต่ปี 2010 ก่อนที่จะเลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ในกลุ่มชุดใหญ่ เมื่อฤดู 2018-19 ได้ลงในสนามทุกรายการไปแล้ว 9 นัดหมาย ทำเป็น 2 ประตู

ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์10 ตำแหน่งและก้าวต่อไป

ลิเวอร์พูล หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จารึกชื่อเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2018-19 อย่างเป็นทางการ หลังในเกมรอบชิงชนะเลิศ เป็นฝ่ายเอาชนะ สเปอร์ส ไปได้ 2-0 ที่สังเวียน ว่านต๋า เมโตรโปลิตาโน่ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา

จากชัยชนะในเกมดังกล่าวทำให้พวกเขาสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นเจ้ายุโรปสมัยที่ 6 ซึ่งเป็นสถิติที่ทีมจากเกาะอังกฤษเคยทำได้ ดูบอลออนไลน์ แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้พวกเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างในแต่ละเกม เราลองย้อนไปดูเส้นทางสู่แชมป์ของพวกเขากัน

ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ามาเล่นในฤดูกาลนี้ด้วยการจบอันดับที่ 4 ในลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้คว้าสิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโนมัติอยู่ในกลุ่มซี ร่วมกับ เปแอสเช จากฝรั่งเศส, นาโปลี ของอิตาลี และ เซอร์เวน่า ซเวซด้า จากเซอร์เบียหนทางในรอบแบ่งกลุ่มไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อพวกเขามีผลงานในการเล่นเป็นทีมเยือนสุดย่ำแย่แพ้รวดทั้ง 3 เกม ทำให้ต้องไปลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้ายที่พบกับ นาโปลี ก่อนเป็นฝ่ายเฉือนเอาชนะไปได้ 1-0 จากประตูชัยของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ซึ่งทำให้สถานการณ์พลิกกลับมาทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบแบบหวุดหวิด ด้วยการมี 9 คะแนนเท่ากับ นาโปลี แม้เฮดทูเฮดจะเท่ากันแต่ “พลพรรคหงส์แดง” ประตูยิงได้มากกว่า เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ตามแชมป์กลุ่มอย่าง เปแอสเช ที่เก็บไปได้ 11 คะแนน

ขอบคุณแหล่งที่มา https://www.sanook.com

มูชมอาวุธ ลับลิเวอร์พูลที่ทีมเก่าไม่เห็นคุณค่า

มูชมอาวุธ โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงชมเด็กเก็บบอลของ ลิเวอร์พูล ที่มีส่วนช่วยให้ “หงส์แดง” เปิดรัง แอนฟิลด์ ถล่ม บาร์เซโลน่า 4-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ สล็อตออนไลน์ นัดสอง เมื่อวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้รวม 2 นัดกลับมาชนะได้อย่างเหลือเชื่อ 4-3

ในนาทีที่ 79 ของเกมหลังจาก ลิเวอร์พูล นำ 3-0 ไปแล้ว และมาได้ลูกเตะมุมนั้นโอ๊คลี่ย์ คันโนเนียร์ เด็กเก็บบอลวัย 14 ปี รีบเอาบอลมาให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำหน้าที่ ก่อนนำไปสู่ประตู 4-0 โดยก่อนหน้าที่เกมจะเริ่มนั้นเจ้าหน้าที่อคาเดมี่ของสโมสรได้บอกกับทีมเก็บบอลไว้แล้วว่า ให้คืนบอลเข้ามาสนามโดยไวเพราะทีมต้องการเร่งเกมทวงประตูกลับคืนมา      มูรินโญ่ เผยผ่าน "รัสเซีย ทูเดย์" ว่า "คุณต้องการให้บอลกลับมาเร็ว และเด็กเก็บบอลก็จำเป็นต้องรู้ว่า คุณต้องการให้บอลกลับมาไว ผมเคยอยู่กับสโมสรหนึ่งที่ไม่เคยเข้าใจถึงความสำคัญของเด็กเก็บบอลเหล่านี้ แม้แต่ตอนที่ทีมกำลังจะชนะ สปีดของเกมเป็นสิ่งสำคัญ รวมทั้งลูกเตะจากประตู, จังหวะของเกม, เด็กเก็บบอล ต่างสำคัญถ้าคุณวางโครงสร้างที่ดี" 

"ผู้คนอาจไม่รู้ถึงสโมสรฟุตบอลที่แท้จริง ทุกๆ รายละเอียดมีความสำคัญมากๆ ในเกมนี้ เด็กเก็บบอลมีความเฉลียวฉลาด หัวไวมาก ผมไม่รู้ว่า เขาเป็นเด็กจากอคาเดมี่หรือไม่ แต่เด็กคนนี้รู้ว่า เขาจะต้องทำอะไร ผมเคยอยู่กับสโมสรที่พวกเขาไม่เข้าใจถึงความสำคัญของเด็กเก็บบอล"

"ผมเคยเป็นเด็กเก็บบอลมาก่อนเหมือนกัน เด็กเก็บบอลแถวหน้าเลยนะ ตอนที่ผมเป็นเด็กเก็บบอล ผมรู้กระทั่งว่า นักเตะต้องการให้ลูกบอลไปอยู่ตรงไหนสำหรับเตะมุม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องสัมผัสบอลเสียด้วยซ้ำ" กุนซือชาวโปรตุกีส ทิ้งท้าย

ขอบคุณแหล่งที่มา https://www.siamsport.co.th

เทรนท์ ยันไม่เจตนาใช้แขนปัดบอล-คาร์ร่าชี้โชคดีไม่โดนแดง

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กดาวรุ่งของลิเวอร์พูล กล่าวชัดเจนว่าตนไม่ได้มีเจตนาที่จะใช้แขนปัดบอล โดยมันเป็นสัญชตญาณของมนุษย์ที่บอลพุ่งมาแรงแล้วไม่สามารถควบคุมมันได้ ในเกมที่หงส์แดงบุกเอาชนะนิวคาสเซิล 3-2 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
เด็กปั้นของหงส์แดงวัย 20 ปี เปิดใจเกี่ยวกับจังหวะปัญหาที่ตัวเขาทำแฮนด์บอลบนเส้นประตูแต่ผู้ตัดสิน อันเดร มาร์ริเนอร์ ให้เป็นจังหวะต่อเนื่องแก่นิวคาสเซิล จนเดอะ แม็กพายส์ ได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากคริสเตียน อัตซู ซึ่งทำให้เจ้าตัวรอดพ้นจากการโดนไล่ออกจากสนามและจากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหนูเทรนท์ ก็เป็นคนเปิดบอลให้โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูพาลิเวอร์พูลกลับขึ้นไปนำ 2-1 อีกครั้ง

ในเรื่องนี้เอง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยืนยันว่าตนไม่ได้มีเจตนาที่จะปัดบอลแต่อย่างใด โดยมันเป็นสัญชาตญาณเท่านั้น เพราะบอลมันพุ่งมาเร็วมาก “บอลมันพุ่งมาหาผมเร็วมากๆ – มันก็เป็นเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น(ที่ปัดบอลทิ้ง)”

“แขนของผมมันไม่ได้กางออกเลยนะ ที่บอลมันไปโดน แขนมันก็ยังแนบลำตัว”

ทั้งนี้จากจังหวะดังกล่าว เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ควรสมควรโดนใบแดง ซึ่งเจมี่ คาร์ราเกอร์ กูรูแห่งสกาย สปอร์ตส์ ก็ออกมากล่าวว่า แบ็กขวารายนี้ โชคดีที่ไม่โดนไล่ออกจากสนามไป “เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โชคดีมาก มันเกิดขึ้นในตอนสกอร์ 1-1 มันดีที่สุดแล้วกับสถานการณ์ของลิเวอร์พูลในตอนนี้”

หงส์ทะยานฟ้าตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลเกมบุกขยี้บาเยิร์น

หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทะยานเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อย่างสะใจเหล่าสาวก “เดอะ ค็อป” หลังบุกไปอัด บาเยิร์น มิวนิค ถึงบ้าน 3-1 ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกสอง เมื่อคืนวันพุธที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา (รวมสองนัดชนะ 3-1) ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมเกินคาดสำหรับลูกทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ โดยเฉพาะ ซาดิโอ มาเน่ กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่โดดเด่นมากๆ ในเกมนี้ และนี่คือผลสอบของนักเตะ ลิเวอร์พูล แต่ละคน

11 ตัวจริง

– อลีสซง เบ็คเกอร์ : 7

ไม่มีโอกาสเซฟยากๆ แต่ก็เล่นได้นิ่งดี ส่วนประตูที่เสียจากโอว์นโกลก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

– เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ : 7

ช่วงต้นเกมดูรนๆ เป็นจุดที่คู่แข่งจ้องเล่นงานเป็นหลัก แต่หลังจากนั้นก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

– โฌแอล มาติป : 7

จริงๆ แล้วฟอร์มโดยรวมถือว่าโอเคเลย จัดการจังหวะสำคัญๆ ได้ไม่น้อย แต่โชคร้ายที่มาทำเข้าประตูตัวเองจน บาเยิร์น มาตีเสมอได้

– เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 9

ยอดเยี่ยมเหลือเกิน คุมเกมรับได้ดีตามมาตรฐาน โดยเฉพาะการหยุด โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แถมขึ้นมาโขกทำประตูขึ้นนำ 2-1 ซึ่งเป็นประตูที่สำคัญมาก และยังเป็นคนแอสซิสต์ให้ มาเน่ ทำประตูแรก

– แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน : 7

เล่นได้ดีตามมาตรฐาน แต่น่าเสียดายที่มาโดนใบเหลืองช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จนถูกแบนในเกมนัดแรกรอบก่อนรองฯ

– เจมส์ มิลเนอร์ : 7.5

อาจดูเซอร์ไพรส์ที่ได้ลงตัวจริง แต่ก็ทำได้ตามที่ คล็อปป์ ต้องการในการช่วยแดนกลาง และเป็นคนเปิดลูกเตะมุมให้ ฟาน ไดค์ โขกทำประตู 2-1

– จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม : 7

อาจดูไม่โดดเด่น แต่ทำงานหนักมากในแดนกลาง โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังช่วยเชื่อมเกมรุกได้ดีทีเดียว

– จอร์แดน เฮนเดอร์สัน : –

ได้อยู่ในสนามแค่สิบกว่านาที ก่อนเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงานจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก

– ซาดิโอ มาเน่ : 9

ชั่วโมงนี้ฮอตสุดแล้วในแนวรุก “หงส์แดง” มีความเร็วที่สามารถป่วนแนวรับ บาเยิร์น ได้ตลอด และสองประตูที่ทำได้ในเกมนี้ถือว่าคุณภาพคับแก้ว

– โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : 7.5

แม้ยังคงไร้สกอร์ และดูฝืนๆ เล่นในบางจังหวะ แต่ถือเป็นเกมที่เล่นได้โอเคเลย โดยเฉพาะการแอสซิสต์ติดไซด์ก้อยให้ มาเน่ โขกทำประตูปิดเกม

– โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : 6.5

มีโอกาสลุ้นทำประตูช่วงครึ่งแรก แต่โดยรวมไม่มีอะไรโดดเด่น

สำรองที่ได้ลงเล่น

– ฟาบินโญ่ (แทน เฮนเดอร์สัน น. 13) : 7.5

ลงไปแทน “เฮนโด้” และก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากในแดนกลาง โดยเฉพาะการตัดเกมคู่แข่ง

– ดีว็อค โอริกี้ (แทน ฟีร์มีโน่ น. 83) : –

ไม่สามารถให้คะแนนได้

– อดัม ลัลลาน่า (แทน มิลเนอร์ น. 87) : –

ไม่สามารถให้คะแนนได้