สเปอร์ส ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อหักปากกาเซียนเฆี่ยน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 1-0 ที่สนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันอังคารที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา
แมตช์นี้ “ไก่เดือยทอง” มาดีเล่นอย่างรัดกุม โดยเฉพาะกองกลางที่ทำหน้าทีได้อย่างดีเยี่ยมทั้ง แฮร์รี่ วิงค์ส กับ มุสซ่า ซิสโซโก้ จัดการแผงมิดฟิลด์ของ แมนฯ ซิตี้ อยู่หมัด ขณะเดียวกัน ซน ฮึง-มิน หัวหอกตัวเก่ง โชว์ทักษะสุดยอดตะบันประตูโทนให้กับต้นสังกัด โดยงานนี้หลายคนยกให้ ดาวยิงกิมจิ ถูกโฉลกกับสนามเหย้าใหม่เพราะซัดไปแล้ว 2 ประตูที่นี่

อย่างไรก็ตาม สเปอร์ส ต้องมีเรื่องน่ากังวลใจอย่างมาก เพราะ แฮร์รี่ เคน หัวหอกตัวความหวัง ดันเกิดได้รับบาดเจ็บที่บริเวณข้อเท้า และตอนนี้ต้องลุ้นว่าอาการจะหนักมากแค่ไหน แน่นอนว่าเรื่องนี้คงทำให้แฟนบอล “ไก่เดือยทอง” วิตกสุดๆ เพราะในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น มีเกมสำคัญหลายแมตช์ที่อาจชี้อนาคตของทีมเลยทีเดียว
1) กิมจิพิฆาต
ซน ฮึง-มิน กองหน้าทีมชาติเกาหลีใต้ ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับการเล่นในสนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม เมื่อเขายิงประตูสำคัญในแมตช์ที่รับมือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้โอกาสได้เข้ารอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก ค่อนข้างสดใส
สำหรับจังหวะสำคัญดังกล่าวอาจดูเหมือนว่า “อาซน” แทบจะหมดโอกาสยิงประตูเพราะในจังหวะแรกเขาจับบอลไม่ค่อยดีนัก และล้นจนเกือบจะออกเส้นหลังประตู แต่ด้วยความขยันผสมกับความรวดเร็วทำให้เจ้าตัววิ่งไปจับบอลได้บนเส้นหลังประตูพอดิบพอดี

จากนั้นก็โชว์สเต็ปด้วยการโยกหลอก ฟาเบียน เดลป์ และวิ่งตัดเข้ากลางก่อนตะบันเต็มข้อบอลผ่านตัว เอแดร์ซอน เข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างงดงาม โดยประตูดังกล่าวเป็นประตูทองที่ทำให้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถือความได้เปรียบในการเล่นเกมแรก รอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก
ตอนนี้ หัวหอกพลังกิมจิ กดไปแล้ว 18 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 40 นัดในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับฤดูกาลก่อนที่ลงเล่นไป 53 นัด นั่นแสดงให้เห็นเขามีพัฒนาการที่ดีเยี่ยมขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น “อาซน” มีส่วนสำคัญในช่วงที่ เคน ไม่อยู่ เพราะเขายิงไป 5 จาก 6 ประตูหลังสุดตอนที่ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ รักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ
2. เคน เดี้ยงอีกแล้ว
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเมื่อ แฮร์รี่ เคน ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า โดยเขาต้องเดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในอุโมงค์โดยมี 2 สตาฟฟ์โค้ชประจำสโมสรคอยช่วยประคับประคอง ที่สำคัญนักเตะไม่สามารถลงน้ำหนักที่เท้าซ้ายได้เลย

เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นจากความทุ่มเทของ เคน ที่พยายามจะเข้าไปสกัดจังหวะที่ ฟาเบียน เดลป์ จะเปิดบอลบริเวณริมเส้นข้างสนาม จากอาการบาดเจ็บดังกล่างทำให้ มาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ต้องรีบจัดการเปลี่ยนตัว ลูคัส มูร่า ลงมาแทน
สำหรับอาการเดี้ยงของ เคน ซึ่งเหมือนกับอาการเจ็บที่เขาเคยได้รับในเกมลีกแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ และครั้งนั้นทำให้เขาต้องพักนานกว่า 1 เดือน ทำให้ สเปอร์ส ต้องเจอสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมากๆ เพราะอาจจะส่งผลต่อความหวังในการผ่านเข้ารอบรองฯ ถ้วยใบโตยุโรป (แม้ชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 เกมแรก ก็ตาม) รวมไปถึงการลุ้นทำอันดับท็อปโฟร์ในพรีเมียร์ลีกด้วย
3. วิงค์ส กับ ซิสโซโก้ โดดเด่น
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นายใหญ่สเปอร์ส จัดวางแท็คติกได้อย่างดีเยี่ยมในครึ่งแรก โดย แฮร์รี่ วิงค์ส กับ มุสซ่า ซิสโซโก้ ทำหน้าที่แดนกลางได้อย่างเหนียวแน่น และสามารถดวลกับแดนกลางที่สุดหินของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างสุดยอดจริงๆ

วิงค์ส กับ ซิสโซโก้ ทำหน้าที่ประคองเกมแดนกลาง ในขณะที่เกมรุกพวกเขาได้ แฮร์รี่ เคน, คริสเตียน อีริคเซ่น, เดเล่ อัลลี่ และ ซน ฮึง-มิน คอยปั่นป่วนเกมรับของ “เรือใบสีฟ้า” และในที่สุดก็ทำสำเร็จในช่วง เกือบ 15 นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน
ทั้งสองมิดฟิลด์เล่นได้อย่างโดดเด่นทำให้แดนกลางแมนฯ ซิตี้ ต้องเจอกับงานยากลำบากในการครองบอล และการผ่านบอลให้กองหน้า ที่สำคัญการเล่นอย่างมีระเบียบวินัย และมีความนิ่งไม่ตื่นตระหนกเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลให้ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้
4. ขาด ซิลวา เรือใบขาดใจ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่สามารถรับมือกับการที่ทีมขาด แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่ไม่สามารถลงสนามได้เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็นต้นขาในช่วงฝึกซ้อมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
สำหรับเกมนี้ สตาร์ชาวโปรตุกีส เดินทางไปร่วมกับเพื่อนร่วมทัพ “เรือใบสีฟ้า” แต่ กวาร์ดิโอล่า ตัดสินใจไม่ส่งเขาลงสนาม ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่เสียหายสำหรับทีมเพราะ ซิลวา กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มสุดยอด และน่าจะสามารถช่วยทีมได้มากในแมตช์นี้
แน่นอนว่าแฟนบอลแมนฯ ซิตี้ ต้องคิดถึงการสร้างสรรค์เกมของ ซิลวา มากๆ เพราะนักเตะที่ส่งลงไปเล่นแทนอย่าง ริยาด มาห์เรซ ไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรทีมเลย แถมการต้องพึ่งพา ราฮีม สเตอร์ลิง เพียงคนเดียวทำให้ ปีกทีมชาติอังกฤษ ต้องแบกรับภาระมากเกินไป
ซิลวา เป็นผู้เล่นสำคัญในการขับเคลื่อนเกมรุกของทีม ฉะนั้น เป๊ป คงคาดหวังที่จะเห็นนักเตะคู่ใจหายเจ็บและฟิตสมบูรณ์กลับมาช่วยทีมให้ได้ เพราะไม่ใช่แค่เกมนัด 2 ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เกมถ้วย “บิ๊กเอียร์” เท่านั้น ยังรวมถึงแมตช์อื่นๆ ในช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนี้ด้วย
5. อูโก้ โยริส จอมหลอน อเกวโร่
แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสได้รางวัลล้ำค่าตั้งแต่นาทีที่ 12 เมื่อ “วีเออาร์” ระบุชัดเจนว่า แดนนี่ โรส ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ โดยในจังหวะนั้น เซร์คิโอ อเกวโร่ ขันอาสาที่จะรับหน้าที่สังหารลูกนี้เอง และแน่นอนว่าแฟนบอล “เรือใบสีฟ้า” มั่นอกมั่นใจว่าเขาจะยิงประตูได้แน่ๆ

จังหวะที่ “กุน” ตะบันบอลไปนั่นก็คือว่าไม่ได้เลวร้าย แต่ โยริส โชว์ให้เห็นแล้วว่าเขามีไหวพริบในการป้องกันจุดโทษได้อย่างสุดยอดมากแค่ไหน เมื่อ นายทวารทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 พุ่งไปถูกทาง และปัดบอลได้อย่างสุดยอด
สำหรับตอนนี้ นายด่านเลือดเฟร้นช์ เป็นโกล์ที่ หัวหอกเลือดอาร์เจนไตน์ ต้องหวาดหวั่นหากต้องเผชิญหน้ากับเขาในการยิงจุดโทษ เพราะ โยริส เป็นผ้รักษาประตูเพียงคนเดียวในยุโรปที่เซฟจุดโทษของ อเกวโร่ ได้มากกกว่าผู้รักษาประตูคนอื่นๆ
ยังไม่หมดแค่นั้น โยริส ซึ่งเป็นนายทวาร “ไก่เดือยทอง” เซฟลูกจุดโทษได้ทั้ง 3 ครั้งในปี 2019 โดยเริ่มจากปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง กองหน้า “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล” และ เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอกชาวอังกฤษของ “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้