Design a site like this with WordPress.com
เริ่มได้

สถิติอีกแล้ว เคอร์ติส โจนส์ ขึ้นหิ้งกัปตันทีมหงส์แดง อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์

เคอร์ติส โจนส์ ขยันทำสถิติใหม่จริงๆสำหรับกลุ่มนี้ ปัจจุบัน เคอร์ติส โจนส์ เปลี่ยนเป็นกัปตันทีมหงส์แดง ชุดใหญ่ ที่อายุต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ชมรมเป็นระเบียบแล้ว

สำนักข่าวต่างชาติ รายงานวันที่ 5 กุมภาพันธ์ว่า เคอร์ติส โจนส์ มิดฟิลด์ดาวรุ่ง สร้างสถิติให้กับสโมสรอีกแล้ว เมื่อกลายเป็นกัปตันทีมหงส์แดง ชุดใหญ่ ที่อายุต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์

ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 นัดหมายแข่งขันใหม่ เมื่อวานนี้ ลิเวอร์พูล หงส์แดง ที่ส่งนักฟุตบอลดาวรุ่งลงทุกตำแหน่ง เปิดสนามแอนฟิลด์ เชือดชนะชรูว์สบิวรี 1-0 เป็นเหตุให้เกิดสถิติใหม่ของชมรมอีกแล้ว โน่นเป็น โจนส์ แปลงเป็นกัปตันกลุ่มหงส์แดง ชุดใหญ่ ที่อายุต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยแก่ 19 ปี 5 วัน เพียงแค่นั้น

สำหรับ โจนส์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่เกิดในเมืองหงส์แดง อยู่กับกลุ่มมาตั้งแต่ชุดเยาวชน มาตั้งแต่ปี 2010 ก่อนที่จะเลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ในกลุ่มชุดใหญ่ เมื่อฤดู 2018-19 ได้ลงในสนามทุกรายการไปแล้ว 9 นัดหมาย ทำเป็น 2 ประตู

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ขอพาจิ้งจอกกลับไปทำการบ้าน หวังแก้ตัวเกมดวลหงส์ในถิ่น

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือของ เลสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับลูกทีมจิ้งจอกยังด้อยกว่าทัพหงส์แดงอยู่หลายขุม หวังโชว์ฟอร์มให้เยี่ยมที่สุดในเกมพบกันในคิงเพาเวอร์ ตอนบ็อกซิ่งเดย์

สำนักข่าวต่างชาติรายงานวันที่ 22 ธันวาคม ว่า ภายหลังที่ จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ บุกไปปราชัยแบบหมดรูปต่อ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 1-3 ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อคืน ทำให้ กองทัพสิตี้ มี 38 คะแนน ไล่จักจี้ชั้นสองเลสเตอร์เหลือแค่ 1 แต้ม ซึ่งกองทัพจิ้งจอกยังคงตาม “ผู้นำฝูง” หงส์แดง 10 แต้มเหมือนเดิม แต่ว่ามีโปรแกรมแข่งขันมากยิ่งกว่า 1 นัดหมาย

โดยโปรแกรมนัดหมายถัดไปของ เลสเตอร์ สิตี้ จะได้กลับไปเล่นในถิ่นคิงเพาเวอร์ สเตเดียม เจอกับของแข็งอย่าง “ลิเวอร์พูล” หงส์แดง ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม นี้ ซึ่ง “ร็อดพบร์ส” เห็นว่ายังคงเป็นงานยากของกองทัพหมาจิ้งจอกอยู่ดี แม้กระนั้นหวังสมาชิกทำผลงานดียิ่งขึ้นจากเกมที่บุกไปพ่ายแพ้สิตี้
มันอาจเป็นเกมที่ต่างจากเดิมสำหรับการเจอกับหงส์แดง แต่ว่าพวกเขาก็มีผู้เล่นสุดยอดเหมือนกันกับสิตี้, ส่วนตัวสำหรับเราแล้วพวกเราจะนำจังหวะสำหรับการกลับมา เพื่อทำผลงานรวมทั้งดูถึงการเล่นในบ้าน พวกเราหวังว่าผลงานจะออกมาดี, การพบกับพวกเขาพวกเราต้องระมัดระวังลูกสวนกลับให้ดี พวกเขามีความเร็ว ทั้งยัง ซาดิโอ มาเน หรือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำให้พวกเราขึ้นเกมพร้อมด้วยจำต้องรับด้วย แน่ๆว่าพวกเราทำกับสิตี้ไม่ดีพอเพียง แต่ว่าพวกเราหวังจะมีผลให้ดียิ่งขึ้นในเกมพบหงส์แดง” ที่ปรึกษาวัย 46 ปี กล่าว.

คอลลีมอร์ พินิจพิจารณา แอตฯมาดริด-หงส์แดง ทายทีมลิ่วรอบ 8 กลุ่ม

สแตน คอลลีมอร์ อดีตกาลหัวหอกของ หงส์แดง ยอดกลุ่มดินแดนผู้ดี ออกมาพินิจพิจารณาเจาะลึกคู่ระหว่าง แอตเลติโก มาดริด ที่จะพบกับกลุ่มเก่าของเขา ในรอบ 16 ทีม ชปล. พร้อมทายทีมลิ่วรอบ 8 กลุ่ม

สำนักข่าวต่างชาติรายงานวันที่ 18 ธันวาคม ว่า สแตน คอลลีมอร์ สมัยก่อนหัวหอกของ ลิเวอร์พูล หงส์แดง กลุ่มดังที่ศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาพินิจพิจารณาเจาะลึกคู่ระหว่าง “ยี่ห้อหมี” แอตเลติโก มาดริด ที่จะพบกับอดีตกาลชมรมต้นสังกัดของเขาในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2019-20 รอบ 16 ทีมในที่สุด

เป็นที่รู้เรื่องกันว่า ตราหมี แอตเลติโก มาดริด เข้ารอบมาด้วยการเป็นชั้นที่ 2 ของกรุ๊ปดี ด้วยผลงาน ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 สะสมไป 10 คะแนน ระหว่างที่กลุ่มแชมป์เก่าเข้ารอบเป็นที่ 1 ของกรุ๊ปอี ด้วยผลงานชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 นัดหมาย

ปัจจุบัน สแตน คอลลีมอร์ ออกมาพูดว่า “ด้วยความจริง กำลังอยู่ในตอนมั่นอกมั่นใจแล้วก็ฟอร์มที่บรรเจิด ผมปราศจากความไม่สบายใจเลยนะสำหรับกลุ่มของ เยอร์เกน คลอปป์ ที่จะบุกไปเยี่ยมหนึ่งในสนามที่ทุกข์ยาก พวกเขาทราบว่าน่าจะเล่นอย่างไร รวมทั้งทราบดีว่าจะทำเช่นไรถึงจะได้ประตู พวกเขาจะผ่านไปสู่รอบ 8 กลุ่มในที่สุดถัดไป เพื่อคุ้มครองแชมป์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย.

ลิเวอร์พูล มูรินโญ่เชื่อซีซั่นไปแตะที่สปปลาว

ลิเวอร์พูล โชเซ่ มูรินโญ่ ชี้ ในฤดูกาลหน้า ลิเวอร์พูล มีโอกาสดีที่จะได้เล่นนัดชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกหน พร้อมระบุ “หงส์แดง” มีคุณภาพดีทุกด้าน
โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือว่างงานคนดัง สล็อตออนไลน์ แสดงความเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีโอกาสดีที่จะไปถึงรอบชิงชนะเลิศของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง ในฤดูกาล 2019-20

"หงส์แดง" ภายใต้การทำทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมอย่างมากจนถึงขนาดได้เล่นนัดชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก มา 2 ซีซั่นติดต่อกันแล้ว แถมในฤดูกาล 2018-19 พวกเขายังถึงขั้นได้แชมป์ไปครองด้วย ซึ่งหลายคนก็มองว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

มูรินโญ่ กล่าวระหว่างทำหน้าที่นักวิเคราะห์ให้ บีอิน สปอร์ตส์ สื่อกีฬาชั้นนำว่า "ถ้าเกิด เรอัล มาดริด เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ 3 ฤดูกาลติดต่อกัน ทำไม ลิเวอร์พูล ถึงจะทำแบบนั้นบ้างไม่ได้ล่ะ ? ทำไม ลิเวอร์พูล ที่มีสภาพทีมดีขนาดนี้, มีสปิริตเยี่ยมขนาดนี้, มีอารมณ์ร่วมสูงขนาดนี้ ถึงจะทำแบบนั้นบ้างไม่ได้กัน ? พวกเขาเป็นทั้งสโมสรที่ดี, มีผู้จัดการทีมชั้นยอด, มีนักเตะเก่งๆ มากมาย, มีแฟนๆ ที่ยอดเยี่ยม แล้วทำไมพวกเขาถึงจะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 3 ไม่ได้กันล่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา https://www.siamsport.co.th

คืนจ่าฝูง! ชำแหละ 5 ข้อเด็ด ลิเวอร์พูล โชว์ของทุบ คาร์ดิฟฟ์

คืนจ่าฝูง พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง หลังจากพวกเขาบุกไปชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 2-0 ที่สนามคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยงานนี้ทำให้การลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีในฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยความเข้มข้น และลุ้นกันแบบนัดต่อนัดเลยทีเดียว

แม้ว่า “หงส์แด” จะเจอกับความยากลำบากในการเจาะเข้าทำประตูในครึ่งแรก แต่สุดท้ายพวกเขาสามารถปลดล็อกได้จากจังหวะที่ เทรนต์ -อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปิดบอลให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ซัดประตูสุดงามให้ทีมในช่วงเกมผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง

จากนั้นทีมมาคลายความกดดันมายิ่งขึ้นจากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดนทำฟาวล์ในเขตโทษ และเป็น เจมส์ มิลเนอร์ ที่ขันอาสาสังหารไม่เหลือซาก โดยตอนนี้สาวก “เดอะ ค็อป” คงต้องลุ้นกันยิ่งกว่าแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะ “ผีแดง” มีคิวรับมือ แมนฯ ซิตี้ และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่แฟนบอล “หงส์แดง” จะถอดใจเชียร์ “เร้ด เดวิลส์”

1. อลีสซง ทำผลงานยอดเยี่ยม
ลิเวอร์พูล มีโอกาสมากมายในช่วง 45 นาทีแรกจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่ไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ นีล เอเธอริดจ์ นายทวาร คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เข้าไปซุกก้นตาข่ายได้เลย ทำให้ทีมต้องเจอกับแรงกดดันในช่วงครึ่งหลัง

ฟอร์มของ “หงส์แดง” ในเกมนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่าพวกเขาเหนือกว่าเจ้าบ้านพร้อมกับสถิติครองบอลได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ในครึ่งแรก แต่ก็มีบางจังหวะที่พลาดให้ คาร์ดิฟฟ์ ได้สร้างความหวาดเสียวเหมือนกัน และโชคดีที่ทีมมี อลีสซง เฝ้าเสา ไม่งั้นอาจมีสิทธิ์น้ำตาตกก็ได้

จังหวะที่โดดเด่นเป็นสง่าของ คาร์ดิฟฟ์ คงเป็นในนาทีที่ 44 จากจังหวะที่ อูมาร์ แนสส์ พลิกตัวเร็วตวัดยิง แต่ อลีสซง ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้นพอดีทำให้เจ้าตัวสามารถกระโดดปัดบอลข้ามคานออกไป ซึ่งถือเป็นจังหวะสำคัญมากๆ ที่ช่วยให้ “หงส์แดง” ไม่เสียประตูก่อนพักครึ่ง

ผลงานยอดเยี่ยมที่รักษาคลีนชีตใหนแมตช์นี้ทำให้ นายด่านชาวบราซิเลียน เก็บไปแล้ว 19 คลีนชีตในเกมลีกฤดูกาลนี้ และแน่นอนว่าเขามีลุ้นที่จะคว้ารางวัลถุงมือทองคำ เนื่องจากมีสถิติไม่เสียประตูเหนือกว่า เอแดร์สัน โกล์เพื่อนร่วมชาติจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

2. แอสซิสต์สำคัญจากเจ้าหนูอาร์โนลด์
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฟูลแบ็กดาวรุ่งพุ่งแรง เก็บแอสซิสต์ให้กับตัวเองได้อีกครั้ง หลังจากเปิดเตะมุมให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ซัดประตูสุดสวยผ่านมา นีล เอเธอริดจ์ โกล์เจ้าบ้าน ช่วยปลดล็อกให้ “เดอะ เร้ดส์” ในช่วงต้นครึ่งหลัง

จังหวะแอสซิสต์ของสตาร์ลูกหนังเสื้อเบอร์ 66 ส่งผลให้ช่องว่างในการแข่งทำแอสซิสต์กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสันในฤดูกาล 2018-19 สูสีมากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก แน่นอนว่านี่คือเรื่องที่ดีเยี่ยมสำหรับสาวก “เดอะ ค็อป” ที่เห็นการแข่งขันดังกล่าวสร้างประโยชน์ให้กับทีมอย่างมาก

ตอนนี้ แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ ทำแอสซิสต์ไปแล้ว 10 ครั้ง ขณะที่ กัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ ทำแอสซิสต์ไปแล้ว 11 ครั้ง โดยอีก 3 เกมที่เหลืออยู่แฟนบอลลิเวอร์พูลคงหวังว่าทั้งสองคนยังผลิตผลงานดีมีคุณภาพแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันไม่ว่าจบซีซั่นนี้ “หงส์แดง” จะอยู่อันดับที่เท่าไหร่ แต่ คล็อปป์ คงแฮปปี้กับผู้เล่นฟูลแบ็กทั้งสองคนมากๆ

3. ไวจ์นัลดุม ประตูปลดล็อก
แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะครองเกมได้เหนือกว่าแต่ดูเหมือนว่านักเตะมีอาการประหม่าสุดๆ ไม่ใช่แค่ผู้เล่นในสนามเท่านั้น เพราะที่ซุ้มม้านั่งสำรอง และบนอัฒจันทร์ต่างก็รู้สึกหวาดหวั่น เนื่องจากทีมยังไม่สามารถยิงประตูขึ้นนำได้ทั้งๆ ที่เกมผ่านมาเกือบ 1 ชั่วโมง

จนกระทั่ง จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม สวมบทผู้ปลดแอกเมื่อเขาวอลเลย์ลูกบอลสุดงามจากการเตะมุมของเจ้าหนูเทรนต์ ถือเป็นการปลดล็อคความเครียด และความประหม่าของลิเวอร์พูลได้ทันที และแน่นอนว่านั่นคงจุดที่ทำให้ทีมมีความมั่นใจมากขึ้น และเดินเครื่องที่จะทำประตูเพิ่ม

หลังจากที่ ดาวเตะเลือดดัตช์ ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย แน่นอนว่าทำให้นักเตะและกองเชียร์ผู้มาเยือนระเบิดอารมณ์ที่อัดอั้นมานานได้ซะที แม้ว่านี่จะเป็นเพียงประตูที่สามในฤดูกาลนี้ของไวจ์นัลดุม แต่เป็นประตูที่มีความสำคัญมากๆ ต่อการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก

4. 3 ประสานใช้จังหวะเปลื้อง
สำหรับเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดอาการหวาดวิตกสำหรับนักเตะ, โค้ช และผู้เล่นสำรอง ในช่วงครึ่งหลังมาจากการที่ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสหลายต่อหลายครั้งที่จะทำประตูในช่วงครึ่งแรก และนั่นทำให้พวกเขาต้องเจอความกดดันอย่างหนักในการเล่นครึ่งหลัง

จังหวะที่งามหยดที่ “หงส์แดง” ควรจะได้ประตูนำเกิดขึ้นในนาที่ 23 เมื่อ ซาดิโอ มาเน่ จ่ายบอลตามช่องแบบถวายใส่พานทองคำ ให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ แต่ยิงบอลผ่านตัว นีล เอเธอริดจ์ หลุดกรอบออกหลังไปอย่างเหลือเชื่อ

ขณะที่ มาเน่ ก็มีโอกาสเช่นกัน เมื่อ ดาวเตะเซเนกัล ได้บอลหน้าเขตโทษฝั่งขวาจากนั้นก็สับไกด้วยขวา แต่บอลหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย ส่วน ซาลาห์ โชว์ลีลาพลิกบอลหนี บรูโน่ เอกูเอเล่ ม็องก้า หลุดเข้าไปดีดด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่โดน เอเธอริดจ์ ออกมาบีบมุมเซฟเอาไว้ได้

ในช่วงเวลาคับขันและความตึงเครียดถาโถม แต่พวกเขาได้ฮีโร่อย่าง ไวจ์นัลดุม ที่ยิงประตูปลดล็อกในช่วงเกมผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง หากไม่ได้ประตูของแข้งดัตช์มีหวังสถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ยิงกดดันจนถึงขั้นลนลานเลยก็ได้

5. ทุกสายตา “เดอะ ค็อป” จับจ้องเกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอล์ด
แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะกุมชะตากรรมในการลุ้นแชมป์เอาไว้ในมือเนื่องจากพวกเขาแข่งน้อยกว่า 1 แมตช์ แต่เกมนี้ “เรือใบสีฟ้า” เจอคู่แข่งสำคัญมากๆ นั่นก็คือการทำศึกดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ เยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันพุธที่ 24 เม.ย.นี้

สำหรับผลการแข่งขันบุกทุบ คาร์ดิฟฟ์ จะทำให้ “เดอะ เร้ดส์” ทวงบัลลังก์จ่าฝูงคืนมาก็ตาม เมื่อพวกเขามีแต้มนำห่าง “เรือใบสีฟ้า” 2 คะแนน แต่ทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีโอกาสที่จะพลิกกลับมาเป็นจ่าฝูงได้อีกครั้งหากเอาชนะเกมที่ต้องพบ “ปีศาจแดง” ให้ได้

ในเกมล่าสุด แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ยับไม่นับญาติต่อ เอฟเวอร์ตัน 0-4 โดยหลังจบเกมนี้ โซลชา ประกาศก้องขอเรียกศรัทธาคืนจากสาวก “เร้ด อาร์มี่” ด้วยการนำลูกทีมไล่อัด แมนฯ ซิตี้ ให้ได้ เพราะหากทีมชนะพวกเขาก็ยังมีลุ้นซิวตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า

เชื่อหรือไม่ในเกมดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ บรรดาสาวก “เดอะ ค็อป” คงพร้อมใจเชียร์ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบสุดใจขาดดิ้นชัวร์

รู้ไว้ซะ!ซาลาห์ เผยที่มาที่ไปท่าดีใจสุดเท่

ซาลาห์ ดาวเตะตัวเก่ง ลิเวอร์พูล เผยถึงที่มาที่ไปของท่าดีใจของเขาหลังจากยิงประตูให้ทีมในแมตช์ชนะ เชลซี 2-0 เกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวชม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่มีส่วนสำคัญสำหรับประตูสุดสวยของเขาด้
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าตัวเก่ง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เผยเหตุผลเกี่ยวกับท่าดีใจของเขาที่แสดงให้เห็นหลังจากทำประตูช่วยทีมไล่ทุบ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 2-0 ที่สนามแอนฟินด์ เกมพีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา

สตาร์ลูกหนังชาวอียิปต์ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในแมตช์นี้ โดยเฉพาะจังหวะซัดไกลสุดงามบอลพุ่งแหวกอากาศผ่านมือ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า นายทวารค่าตัวแพงระยับ เข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ จากนั้น “โม ซาลาห์” ก็วิ่งไปแสดงความยินดีกับกองเชียร์ พร้อมกับทำท่ายืนกระต่ายขาเดียวและพนมมือ ซึ่งแน่นอนว่าทำหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาต้องการสื่ออะไรจากท่านี้

ซาลาห์ เปิดใจกับ เจมี่ เร้ดแน็ปป์ อดีตดาวเตะ “หงส์แดง” ซึ่งทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์เกมให้กับช่องสกาย สปอร์ต ว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ในใจผมบอกให้ทำท่านี้ทันที ผมก็แค่ทำท่าโยคะ”

นอกจากนี้ ซาลาห์ ยังกล่าวชื่นชม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่วิ่งหลบทำให้ตนมีพื้นที่ตัดเข้าไปด้านในและยิงประตูสุดสวย “ปกติแล้วผมตัดเข้ามาด้านใน แล้วก็ยิงประตูแต่บอลมันก็จะพุ่งเข้าหาผู้รักษาประตู ครั้งนี้ผมตัดสินใจยิงเหมือนเดิม เพราะมันไกล แถมบอลยังแกว่งไปมาด้วยความแรง ผมโชคดีนิดหน่อยที่บอลมันพุ่งเข้าไปในตาข่ายแบบนั้น !”

“เฮนโด้ ทำงานของเขาได้อย่างสุดยอดซึ่งทำให้ผมเล่นได้ดีง่ายยิ่งขึ้น แน่นอนว่าเขามีส่วนกับประตูนี้ นี่เป็นส่วนหนึ่งในงานของเราตอนที่ฝึกซ้อม ผมคิดว่าทุกอย่างมันเหมาะเจาะลงตัวพอดิบพอดี” อดีตดาวเตะ โรม่า และ เชลซี กล่าวทิ้งท้าย

คนอื่นหลีกไป! ทำไม ฟาบินโญ่ ถึงควรเป็นมิดฟิลด์ตัวจริงให้ ลิเวอร์พูล

ฟาบินโญ่ สมควรเป็นตัวจริงเบอร์ 1 ในตำแหน่งแผงกลางของ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้

อัลดริดจ์ เอาเกมนัดล่าสุดของ ลิเวอร์พูล ที่เปิดรัง แอนฟิลด์ เฉือนชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม มาเป็นการอ้างอิงถึงมุมมองของเขา โดยเจ้าตัวบอกว่าตอนแรกแผงกลางของ “หงส์แดง” เจอปัญหาหนักสุดๆ แต่พอ ฟาบินโญ่ ลงมาแล้วรูปเกมของเจ้าถิ่นก็ดูดีขึ้น

อัลดริดจ์ ถึงขั้นบอกด้วยว่าในทุกนัดที่เหลือหลังจากนี้นั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ควรจะดร็อปใครสักคนระหว่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม และ เจมส์ มิลเนอร์ พร้อมกับให้ ฟาบินโญ่ เป็นตัวจริง ซึ่งสถิติต่างๆ ก็แสดงให้เห็นว่าคำพูดของ อัลดริดจ์ ถือว่าสมเหตุสมผลพอตัว

– เข้าสกัดได้แม่นยำ
2.1 ครั้งต่อนัด คือค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดสำเร็จของ Fa bin yo ในการเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ซึ่งถ้าเทียบกับ เฮนเดอร์สัน, ไวจ์นัลดุม และ ฟาบินโญ่ แล้วล่ะก็ ดาวเตะชาวบราซิเลียนก็ถือเป็นแชมป์ในชาร์ตนี้ โดยอันดับ 2 อย่าง เฮนเดอร์สัน กับ มิลเนอร์ มีค่าเฉลี่ยเพียง 1.5 หนต่อเกมเท่านั้น

นอกจากนี้ ฟาบินโญ่ ยังมีค่าเฉลี่ยการตัดบอลได้ (หมายถึงการแย่งบอลโดยไม่ต้องสไลด์) ดีที่สุดในกลุ่ม 4 คนด้วย ที่จำนวน 1 หนต่อเกม ซึ่งการมีนักเตะแบบนี้อยู่ในสนามจะช่วยให้เกมรับเล่นได้ง่ายขึ้น พร้อมกับมีโอกาสเสียประตูน้อยลงตามไปด้วย

– ผ่านบอลโดยรวมได้ดี
ในกลุ่ม 4 คนนี้ ไวจ์นัลดุม อาจจะเป็นคนที่มีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลโดยรวมดีที่สุด ที่จำนวน 91.1 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ Fa bin yo ตามมาห่างๆ ที่ 85.3 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเทียบเฉพาะการผ่านบอลในระยะสั้นแล้วทั้งคู่ไม่ได้ต่างกันมากเลย

ไวจ์นัลดุม มีค่าเฉลี่ยผ่านบอลระยะสั้นแม่นยำอยู่ที่ 45.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทาง ฟาบินโญ่ แพ้เขาแค่ 0.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่ในด้านการผ่านบอลระยะยาวแล้ว Fa bin yo ก็เหนือกว่าด้วยซ้ำ เพราะเขาผ่านบอลระยะยาวเข้าเป้า 2.7 หนต่อเกม ส่วนของ ไวจ์นัลดุม อยู่ที่ 1.8 หนต่อนัด

ถึงแม้เปอร์เซ็นต์ความแม่นยำในการผ่านบอลของ Fa bin yo จะสู้ ไวจ์นัลดุม ไม่ได้ แต่เขาก็แพ้อีกฝ่ายไปแค่นิดเดียว ในทางกลับกัน เขายังมีประโยชน์ในด้านเกมรับอีกด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาน่าจะช่วยทีมได้หลายด้านกว่า

– โดดเด่นด้านลูกกลางอากาศ
การเป็นมิดฟิลด์ที่ดีบางครั้งก็ต้องชิงโหม่งจังหวะที่คู่แข่งโยนยาวมาด้วย ซึ่งค่าเฉลี่ยการชนะลูกกลางอากาศของ ไวจ์นัลดุม ในลีกอยู่ที่ 0.9 ครั้งต่อเกมเท่านั้น ขณะที่ของ เฮนเดอร์สัน กับ มิลเนอร์ อยู่ที่ 0.7 หนต่อเกม

อย่างไรก็ตาม ฟาบินโญ่ เหนือกว่าทั้ง 3 คนอย่างมาก เพราะเขามีค่าเฉลี่ยการชนะการดวลกลางอากาศถึง 2 ครั้งต่อเกม เรียกได้ว่าเวลาคู่แข่งโยนยาวมา เขาก็มักจะช่วยดักบอลได้ดีอยู่บ่อยๆ และทำให้เกมของ ลิเวอร์พูล เล่นง่ายตามไปด้วย

ไฟเขียว! ลิเวอร์พูลพร้อมอนุมัติงบมหาศาลให้ คล็อปป์ ดึง อิสโก้

ลิเวอร์พูล เตรียมอนุมัติเงินจำนวน 100 ล้านปอนด์ ให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพื่อเป็นค่าตัวของ อิสโก้ มาเสริมความแกร่งในแนวรุกในช่วงซัมเมอร์นี้
บอร์ดบริหารของลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมอนุมัติเงินจำนวน 100 ล้านยูโร ให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพื่อนำไปสู่ขอ อิสโก้ มิดฟิลด์ชาวสแปนิชของ เรอัล มาดริด มาร่วมทีม หลังจบซีซั่นนี้ จากการายงานของ ดิอาริโอ โกล สื่อชื่อดังจากสเปน เมิ่อวันที่ 18 มีนาคม

อิสโก้ วัย 26 ปี ที่ยังเหลือสัญญากับ “ราชันชุดขาว” ถึงปี 2022 ต้องกลายเป็นส่วนเกินของทีมภายใต้การทำทีมของกุนซือ ซานติอาโก้ โซลารี่ หลังจาก จูเลน โลเปเตกี โดนปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามเจ้าตัวเพิ่งกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริง และทำได้หนึ่งประตูในเกมที่ เรอัล มาดริด ชนะ เซลต้า บีโก้ 2-0 ในเกมลีกนัดล่าสุด หลังจากสโมสรประกาศแต่งตั้ง ซีเนดีน ซานดาน เฮ้ดโค้ชชาวฝรั่งเศสกลับมากุมบังเหียนรอบที่สอง ทำให้สถานการณ์ของเจ้าตัวกลับมาสดใสอีกครั้ง

แต่ถึงกระนั้นล่าสุด ดิอาริโอ โกล ระบุว่า คล็อปป์ กำลังจับตาดูสถานการณ์ของ อิสโก้ อย่างใกล้ชิด โดยต้องการมาเสริมความแกร่งในแนวรุกเนื่องจากทีมกำลังขาดนักเตะสร้างสรรค์เกม ซึ่งมิดฟิลด์ชาวสเปนตอบโจทย์ดังกล่าว และน่าจะเล่นเข้ากับระบบทีม

ขณะเดียวกัน ดอน บาลอน อีกหนึ่งสื่อจากสเปน อ้างว่า อิสโก้ ได้ตัดสินใจวางแผนอำลาทีมล่วงหน้าไว้แล้วหลังจบซีซํ่นนี้ โดยมี พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นเป้าหมายต่อไป และนักเตะได้รับอนุญาตจากสโมสรให้ย้ายทีมได้โดยตั้งค่าตัวไว้ที่ 100 ล้านยูโร

หงส์ทะยานฟ้าตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลเกมบุกขยี้บาเยิร์น

หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทะยานเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อย่างสะใจเหล่าสาวก “เดอะ ค็อป” หลังบุกไปอัด บาเยิร์น มิวนิค ถึงบ้าน 3-1 ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกสอง เมื่อคืนวันพุธที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา (รวมสองนัดชนะ 3-1) ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมเกินคาดสำหรับลูกทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ โดยเฉพาะ ซาดิโอ มาเน่ กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่โดดเด่นมากๆ ในเกมนี้ และนี่คือผลสอบของนักเตะ ลิเวอร์พูล แต่ละคน

11 ตัวจริง

– อลีสซง เบ็คเกอร์ : 7

ไม่มีโอกาสเซฟยากๆ แต่ก็เล่นได้นิ่งดี ส่วนประตูที่เสียจากโอว์นโกลก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

– เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ : 7

ช่วงต้นเกมดูรนๆ เป็นจุดที่คู่แข่งจ้องเล่นงานเป็นหลัก แต่หลังจากนั้นก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

– โฌแอล มาติป : 7

จริงๆ แล้วฟอร์มโดยรวมถือว่าโอเคเลย จัดการจังหวะสำคัญๆ ได้ไม่น้อย แต่โชคร้ายที่มาทำเข้าประตูตัวเองจน บาเยิร์น มาตีเสมอได้

– เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 9

ยอดเยี่ยมเหลือเกิน คุมเกมรับได้ดีตามมาตรฐาน โดยเฉพาะการหยุด โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แถมขึ้นมาโขกทำประตูขึ้นนำ 2-1 ซึ่งเป็นประตูที่สำคัญมาก และยังเป็นคนแอสซิสต์ให้ มาเน่ ทำประตูแรก

– แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน : 7

เล่นได้ดีตามมาตรฐาน แต่น่าเสียดายที่มาโดนใบเหลืองช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จนถูกแบนในเกมนัดแรกรอบก่อนรองฯ

– เจมส์ มิลเนอร์ : 7.5

อาจดูเซอร์ไพรส์ที่ได้ลงตัวจริง แต่ก็ทำได้ตามที่ คล็อปป์ ต้องการในการช่วยแดนกลาง และเป็นคนเปิดลูกเตะมุมให้ ฟาน ไดค์ โขกทำประตู 2-1

– จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม : 7

อาจดูไม่โดดเด่น แต่ทำงานหนักมากในแดนกลาง โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังช่วยเชื่อมเกมรุกได้ดีทีเดียว

– จอร์แดน เฮนเดอร์สัน : –

ได้อยู่ในสนามแค่สิบกว่านาที ก่อนเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงานจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก

– ซาดิโอ มาเน่ : 9

ชั่วโมงนี้ฮอตสุดแล้วในแนวรุก “หงส์แดง” มีความเร็วที่สามารถป่วนแนวรับ บาเยิร์น ได้ตลอด และสองประตูที่ทำได้ในเกมนี้ถือว่าคุณภาพคับแก้ว

– โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : 7.5

แม้ยังคงไร้สกอร์ และดูฝืนๆ เล่นในบางจังหวะ แต่ถือเป็นเกมที่เล่นได้โอเคเลย โดยเฉพาะการแอสซิสต์ติดไซด์ก้อยให้ มาเน่ โขกทำประตูปิดเกม

– โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : 6.5

มีโอกาสลุ้นทำประตูช่วงครึ่งแรก แต่โดยรวมไม่มีอะไรโดดเด่น

สำรองที่ได้ลงเล่น

– ฟาบินโญ่ (แทน เฮนเดอร์สัน น. 13) : 7.5

ลงไปแทน “เฮนโด้” และก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากในแดนกลาง โดยเฉพาะการตัดเกมคู่แข่ง

– ดีว็อค โอริกี้ (แทน ฟีร์มีโน่ น. 83) : –

ไม่สามารถให้คะแนนได้

– อดัม ลัลลาน่า (แทน มิลเนอร์ น. 87) : –

ไม่สามารถให้คะแนนได้