Design a site like this with WordPress.com
เริ่มได้

ไร้ปาฎิหาริย์ที่คัมป์นู! เมสซี่โชว์เบิ้ล บาร์เซโลน่าย้ำชัยอัดแมนยูยับ ลิ่วตัดเชือกชปล.

เมสซี่ ขยี้แนวรับปีศาจแดงเละเทะเมื่อจัดการสองประตูก่อนพา บาร์เซโลน่า เปิดคัมป์นูไล่ถลุงเอาชนะไปได้ 3-0 รวมผลสองนัดผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศด้วยประตูรวม 4-0 โดยจะเข้าไปพบผู้ชนะระหว่าง ปอร์โต้ หรือลิเวอร์พูล ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ8ทีมสุดท้าย นัดสอง เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา

สนาม : คัมป์ นู, ประเทศสเปน (ผลการแข่งขันนัดแรก บาร์เซโลน่า ชนะ 1-0)

ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง วันอังคารที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า กลับมาเฝ้ารังเปิดคัมป์ นู รับการมาเยือนของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังนัดแรกที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด “เจ้าบุญทุ่ม” บุกไปคว้าชัยมาก่อน 1-0

เกมนี้ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ยังยึดขุมกำลังชุดเดิมแนวรุกใช้สามประสานตัวเก่งทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และฟิลิปเป้ คูตินโญ่

ส่วนทางฝั่ง “ผีแดง” เกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือของแมนฯยูไนเต็ด บินมาให้กำลังใจแข้งปีศาจแดงถึงคัมป์นู โดยเกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้รับข่าวดีหลังได้ทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ และเนมานย่า มาติช หายเจ็บกลับมาช่วยทีม แต่เกมนี้เป็นแค่สำรองไปก่อนเช่นเดียวกับ โรเมลู ลูกากู โดยสามประสานแนวรุกใช้ เจสซี่ ลินการ์ด, มาร์คัส แรชฟอร์ด และอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ส่วนแนวรับ ลุค ชอว์ ที่ติดโทษแบนวันนี้โยกเอา แอชลี่ย์ ยัง มาประจำการแทน แล้วส่ง ฟิล โจนส์ เล่นแบ็กขวา

เกมเปิดฉากมาได้แค่ 39 วินาที “ปีศาจแดง” เกือบได้ประตูขึ้นนำไปก่อน เมื่อ ปอล ป็อกบา แทงบอลให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้าไปจิ้มด้วยหัวเกือกขวาบอลพุ่งชนคานออกหลังไป

นาที 9 ลินการ์ด ได้บอลตรงกลางสนามก่อนไหลให้ ป็อกบา ลองชิพบอลไกลกว่า 40 หลา แต่บอลลอยโด่งหลุดหลังออกไปแบบไม่ได้ลุ้น

กระทั่ง นาที 11 แฟนผีแดงเงียบกันกริบหลัง เฟลิกซ์ บรีช ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษแก่เจ้าถิ่นหลัง อีวาน ราคิติช โดนเฟร็ดเข้ามาฟาวล์ด้านหลังในเขตโทษ ก่อนเชิ้ตดำจะขอดู VAR ข้างสนามก่อนวิ่งมาแล้วเปลี่ยนคำตัดสินไม่ให้จุดโทษแก่บาร์ซ่า หลังภาพช้าเห็นได้ชัดว่า เฟร็ด เข้าไปถึงบอลก่อนราคิติชจะล้มตัวลง

แต่แล้วอีก 5 นาทีต่อมา บาร์เซโลน่า ก็ชิงขึ้นนำ 1-0 จนได้ จากจังหวะเคลียร์บอลไม่ขาดของ แอชลี่ย์ ยัง ที่สกัดบอลไปติดแข้งเจ้าถิ่นก่อนบอลจะกระดอนมาเข้าทาง เมสซี่ ยกหลบ แอชลี่ย์ ยัง ก่อนหลบ เฟร็ด ลากตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยซ้ายหน้าหัวกระโหลกกว่า 20 หลา บอลพุ่งหนีมือ เด เคอา เสียบมุมตาข่ายอย่างสวยงาม

จากไม่กี่อึดใจ นาที 20 เจ้าถิ่นฉีกนำห่างเป็น 2-0 เมสซี่ ฉกบอลได้ก่อนถึง เฟร็ด ก่อนลากผ่าน ฟิล โจนส์ เข้าไปยิงด้วยเท้าขวาข้างไม่ถนัด บอลพุ่งไม่หนีมือ เค เคอา แต่นายทวารมือหนึ่งทีมชาติสเปนดันรับบอลพลาดปลิ้นทะลักเข้าประตูไป เป็นประตูที่สองในเกมนี้มีลุ้นแฮตทริก และเป็นประตูที่ 10 นำดาวซัลโวของแชมเปี้ยนส์ลีก

เกมผ่านไป 30 นาที ด้วยสกอร์ที่นำห่าง 2-0 ทำให้เจ้าถิ่นเล่นได้ง่ายขึ้น ครองบอลได้มากกว่า ตรงกันข้ามแข้งผีแดงความมั่นใจกลับลดน้อยลงไป ปั้นเกมแทบไม่ถึงหน้าปากประตูเหมือนช่วง 10 นาทีแรก

นาที 38 แมนยู ได้ตอบโต้บาง คราวนี้ ลินการ์ด ให้บอล ปอล ป็อกบา ก่อนห้องเครื่องดีกรีแชมป์โลกจะซัดนอกกรอบแต่บอลพุ่งไปเข้ามือ มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น รับไว้ได้ไม่มีปัญหา

นาที 42 “ปีศาจแดง” มาได้ฟรีคิกระยะกว่า 30 หลา มาร์คัส แรชฟอร์ด สาวเท้าวิ่งมายิงเต็มแรงแต่บอลพุ่งไม่ผ่านกำแพง

ช่วงทดเจ็บก่อนหมดครึ่งแรก เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูที่สาม หลัง เมสซี่ พาบอลโยกหลอก ฟิล โจนส์ แล้วจ่ายเร็วให้ จอร์ดี้ อัลบา ปาดบอลไปเสาสองถึง แซร์จี้ โรแบร์โต้ แบ็กขวาที่เติมมาสไลด์ตัวยิงบอลจะข้ามเส้นอยู่แล้วแต่ เด เคอา ยังตามเซฟบนเส้นปัดออกมาได้

จบครึ่งแรก บาร์เซโลน่า ขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 สกอร์รวมสองนัดตอนนี้ “เจ้าบุญทุ่ม” นำห่าง 3-0

ครึ่งหลัง กลับมาเล่นได้แค่สองนาที นาที 47 เมสซี่ เกือบพังแฮตทริกในเกมนีได้สำเร็จ หลังวิ่งมาอัดด้วยซ้ายจากลูกเปิดของ ซัวเรซ บอลไปแฉลบขาแอชลี่ย์ ยัง ออกหลังแบบได้ลุ้น

จนแล้วจนรอด นาที 61 บาร์เซโลน่า มาได้ประตูนำห่าง 3-0 บอลจาก เมสซี่ ที่เก็บบอลกลางสนามแล้วขวางยาวมาให้ จอร์ดี้ อัลบา แตะบอลจังหวะเดียวให้ คูตินโญ่ ก่อนจะตะบันนอกกรอบปั่นบอลโค้งหนีมือ เด เคอา เสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้ประตูรวมตอนนี้ บาร์ซ่า หนีห่างเป็น 4-0

อีก 4 นาทีถัดมา สกอร์เกือบเปลี่ยนอีกครั้ง จากจังหวะที่แนวรับ แมนฯ ยูไนเต็ด สกัดบอลไม่ขาดในเขตโทษตัวเอง เมสซี่ ตีลังกายิงหลุดกรอบออกไป

นาที 65 โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เปลี่ยนตัวคนแรก ถอดเอา อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล แล้วส่ง ดีโอโก้ ดาโลต์ ลงไปเล่นแทน

นาที 71 เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่นที่เปลี่ยนตัวบ้างเอา เนลสัน ซาเมโด้ ลงเล่นแทนแซร์จี้ โรแบร์โต้ ถัดมาอีกสองนาที “ปีศาจแดง” เอามาร์คัส แรชฟอร์ด ออกแล้วส่ง โรเมลู ลูกากู ลงเล่นแทน

อาคันตุกะแทบจะบุกไปขึ้น เจาะแนวรับบาร์เซโลน่าไม่ได้เลย นาที 78 เจสซี่ ลินการ์ด ได้ลองยิงไกลกว่า 30 หลา แต่ยังไม่ดีพอบอลพุ่งเหินคานไปแบบหมดลุ้น

นาทีสุดท้าย แมนฯยูฯ เกือบได้ลูกตีไข่แตก ดีโอโก้ ดาโลต์ ครอสบอลมาให้ อเล็กซิส ซานเชซ โขกเต็มหัวแต่บอลยังไม่ผ่าน มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น ปัดออกหลังไปได้

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม บาร์เซโลน่า เปิดบ้านไล่ต้อนเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้อย่างขาดลอย 3-0 รวมผลสองนัดผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ ด้วยประตูรวม 4-0 โดยจะเข้าไปพบผู้ชนะระหว่าง ปอร์โต้ หรือ ลิเวอร์พูล

รายชื่อนักเตะที่ลงสนาม

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น – แชร์จี้ โรแบร์โต้ (เนลสัน ซาเมโด้ น.71), เคราร์ด ปีเก้, เกลมงต์ ล็องก์เล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา – อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อาร์เธอร์ (อาร์ตูโร่ วิดาล น.75) – ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (อูสมาน เดมเบเล่ น.81)

เทรนเนอร์ : เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้

แมนฯ ยูไนเต็ด (4-3-3) : ดาบิด เด เคอา – ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แอชลี่ย์ ยัง – สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด, ปอล ป็อกบา – เจสซี่ ลินการ์ด (อเล็กซิส ซานเชซ น.80), มาร์คัส แรชฟอร์ด (โรเมลู ลูกากู น.73), อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล (ดีโอโก้ ดาโลต์ น.65)

รู้ไว้ซะ!ซาลาห์ เผยที่มาที่ไปท่าดีใจสุดเท่

ซาลาห์ ดาวเตะตัวเก่ง ลิเวอร์พูล เผยถึงที่มาที่ไปของท่าดีใจของเขาหลังจากยิงประตูให้ทีมในแมตช์ชนะ เชลซี 2-0 เกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวชม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่มีส่วนสำคัญสำหรับประตูสุดสวยของเขาด้
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าตัวเก่ง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เผยเหตุผลเกี่ยวกับท่าดีใจของเขาที่แสดงให้เห็นหลังจากทำประตูช่วยทีมไล่ทุบ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 2-0 ที่สนามแอนฟินด์ เกมพีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา

สตาร์ลูกหนังชาวอียิปต์ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในแมตช์นี้ โดยเฉพาะจังหวะซัดไกลสุดงามบอลพุ่งแหวกอากาศผ่านมือ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า นายทวารค่าตัวแพงระยับ เข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ จากนั้น “โม ซาลาห์” ก็วิ่งไปแสดงความยินดีกับกองเชียร์ พร้อมกับทำท่ายืนกระต่ายขาเดียวและพนมมือ ซึ่งแน่นอนว่าทำหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาต้องการสื่ออะไรจากท่านี้

ซาลาห์ เปิดใจกับ เจมี่ เร้ดแน็ปป์ อดีตดาวเตะ “หงส์แดง” ซึ่งทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์เกมให้กับช่องสกาย สปอร์ต ว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ในใจผมบอกให้ทำท่านี้ทันที ผมก็แค่ทำท่าโยคะ”

นอกจากนี้ ซาลาห์ ยังกล่าวชื่นชม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่วิ่งหลบทำให้ตนมีพื้นที่ตัดเข้าไปด้านในและยิงประตูสุดสวย “ปกติแล้วผมตัดเข้ามาด้านใน แล้วก็ยิงประตูแต่บอลมันก็จะพุ่งเข้าหาผู้รักษาประตู ครั้งนี้ผมตัดสินใจยิงเหมือนเดิม เพราะมันไกล แถมบอลยังแกว่งไปมาด้วยความแรง ผมโชคดีนิดหน่อยที่บอลมันพุ่งเข้าไปในตาข่ายแบบนั้น !”

“เฮนโด้ ทำงานของเขาได้อย่างสุดยอดซึ่งทำให้ผมเล่นได้ดีง่ายยิ่งขึ้น แน่นอนว่าเขามีส่วนกับประตูนี้ นี่เป็นส่วนหนึ่งในงานของเราตอนที่ฝึกซ้อม ผมคิดว่าทุกอย่างมันเหมาะเจาะลงตัวพอดิบพอดี” อดีตดาวเตะ โรม่า และ เชลซี กล่าวทิ้งท้าย

เลิกซอยยิก! ปอลป็อกบา เผยเหตุเปลี่ยนสไตล์ยิงจุดโทษ

ปอลป็อกบา มิดฟิลด์ แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความแปลกใจด้วยการยิงจุดโทษแบบปรกติในเกมที่ชนะ เวสต์แฮม 2-1 ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเฉลยว่าสาเหตุที่ทำแบบนั้นเป็นเพราะรู้แล้วว่าการทำประตูให้ได้มันสำคัญกว่าท่ายิง พร้อมยิงมุกว่าที่กลับมายิงแบบธรรมดาอาจจะเป็นการหลอกคู่แข่งไปด้วย
ปอล ป็อกบา กองกลางคนดังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเผยว่าสาเหตุที่ตนเปลี่ยนสไตล์การยิงลูกจุดโทษมายิงเหมือนคนปรกติในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ต้นสังกัดเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เฉือนชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา เป็นเพราะตนได้รับบทเรียนแล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทำประตูให้ได้

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเมื่อไหร่ก็ตามที่ ป็อกบา รับหน้าที่ยิงจุดโทษ เขามักจะซอยเท้ารัวๆ ซึ่งมีบางคนที่ไม่ชอบสไตล์แบบนี้ของเขาเท่าไหร่ แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ป็อกบา ทำให้หลายคนแปลกใจ หลังจากเขายิงจุดโทษแบบธรรมดาๆ ซึ่งเขาก็ทำประตูให้ทีมได้

“แรมซี่ย์” ซัดเปิด!อาร์เซน่อลเฮก่อนหลังไล่ต้อนนาโปลีศึกยูโรปาลีก

แรมซี่ย์ ซัดประตูเปิดฝากล่องช่วย “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เปิดบ้านเก็บชัยไว้ได้ก่อนโดยเอาชนะด้วย นาโปลี 2-0 ในศึกฟุตบอล ยูโรปา ลีก (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก) คืนวันวันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา

ครึ่งแรกมาถึงนาทีที่ 12 นาโปลี ได้ลุ้นจากลูกเตะมุมไปเข้าหัว คาลิดู กูลิบาลี่ ที่เติมขึ้นมาลอยตัวโขกโล่งๆ แต่คุมทิศทางไม่ดีบอลเหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 14 อาร์เซน่อล ได้ประตูนำ 1-0 จากจังหวะต่อบอลสุดสวยจากการตัดบอลได้ครึ่งสนามมาถึง อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ ทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนส่งต่อให้ เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์ – ไนล์ส ที่เหมือนจะทรงตัวไม่อยู่แต่ยังล้มตัวผ่านบอลให้ อารอน แรมซี่ย์ วิ่งเข้ามาบรรจงแปแบบไม่จับเล่นทางเข้าเสาไกลโดยที่ อเล็กซ์ เมเร็ต นายด่านนาโปลีพยายามพุ่งปัดสุดเอื้อมแต่ไม่ถึง

เลยมาถึงนาทีที่ 25 ปืนใหญ่ ลั่นกระสุนนำห่าง 2-0 เมื่อ ลูกัส ตอร์เรร่า ตัดบอลจากแข้งนาโปลีได้ แล้วโซโล่เดี่ยวกระชากจึ้ก่อนหักหลอก ฟาเบียน รูอิซ แล้วซัดด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งไปโดน คาลิดู กูลิบาลี่ เปลี่ยนทางเข้าไป อเล็กซ์ เมเร็ต ได้แต่ป้องกันด้วยสายตาเท่านั้นนับว่าเป็นความเก่งผสมกับโชคดีของอาร์เซน่อลอีกด้วย

นาทีถัดมาอาร์เซน่อล ยังได้ใจ โอบาเมย็อง ได้แปเน้นๆ ทางฝั่งซ้ายแต่ไปเข้ามือ อเล็กซ์ เมเร็ต รับไวได้

เลยมาถึงนาทีที่ 39 โอบาเมย็อง ได้ตั้งป้อมส่องหน้ากรอบเขตโทษทีมเยือนบอลทะยานแรงแต่ถูกปฏิเสธโดย อเล็กซ์ เมเร็ต ทีล้มตัวปัดไว้ได้บอลทำท่าจะกระฉอก ลากาแซ็ตต์ เตรียมวิ่งเข้ามาซ้ำดาบสองแต่ เมเร็ต ยังตามไปตะครุบไว้ได้

นาทีที่ 41 นาโปลี ตอบโต้กลับมาบ้าง มาริโอ รุย ส่องไกลด้วยเท้าขวาหน้ากรอบเขตโทษอาร์เซน่อล แต่ทิศทางไม่ดีข้ามคานออกไปไกล

นาทีที่ 44 ทีมเยือนพลาดโอกาสตีตื้นอย่างน่าเสียดายเมื่อ โฆเซ่ กาเยฆอน หลุดขึ้นไปเปิดบอลริมเส้นฝั่งขวาหักข้อย้อนมาถึง ลอเรนโซ่ อินซินเย่ วิ่งเข้ามากดเต็มข้อระยะประมาณ 15 หลากลางประตูแต่ทิศทางไม่ดีบอลเลยโด่งออกไปไกล

จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล เปิดบ้านนำห่าง นาโปลี 2-0

เริ่มครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 53 นาโปลีได้ลุ้นประตู เอลซิด ไฮซาจ ขึ้นโหม่งจากลูกเปิด้านข้างแต่ไม่ค่อยถนัดบอลย้อยทำท่าจะเสียบใต้คานแต่ ปีเตอร์ เช็ก ไม่ปล่อยให้ผ่านมือลอยตัวปัดด้วยปลายมือไว้ได้อย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 58 ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง หลุดขึ้นไปทางฝั่งซ้ายในเขตโทษทีมเยือนก่อนตัดสินใจซัดด้วยเท้าซ้ายแต่โดนแข้งนาโปลียืนขาป้องกันไว้ได้

นาทีที่ 66 อาร์เซน่อล ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นพร้อมกันถึงสองคน โดยถอด อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ และส่ง อเล็กซ์ อิโวบี้ ลงมาแทน อีกคนเป็น เมซุต โอซิล ที่เกมนี้ขุดฟอร์มเก่งไม่ออกโดยส่ง เฮนริค มคิทาร์ยาน ลงเล่นแทน

นาทีที่ 72 นาโปลี พลาดได้ประตูตีไข่แตกอย่างเหลือเชื่อ เมื่อ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ได้โอกาสหลุดขึ้นไปเปิดบอลริมเส้นฝั่งขวาเลยไปถึง ปิโอเตอร์ เซลินสกี้ ที่ไร้แข้งอาร์เซน่อลประตามประกบก่อนเจ้าตัวจะล้มตัวจิ้มบอลโล่งๆ โดยที่ ปีเตอร์ เช็ก ก็ตามป้องกันไม่ทัน แต่เจ้ากรรมบอลดันเหินข้ามคานไปแบบไม่เชื่อสายตาแฟนบอลทั้งสนาม

นาทีที่ 80 อาร์เซน่อล น่าจะได้ประตูนำขาด เมื่อ แรมซี่ ได้จังหวะหวดเต็มข้อบริเวณจุดโทษแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะวางเท้าไม่ดีบอลจึงเหินค้ามขานออกไปแบบน่าเสียดาย

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกม อาร์เซน่อล เปิดบ้านเก็บชัยเหนือ นาโปลี 2-0 แต่ยังคงต้องไปลุ้นต่อนัดสองต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล (3-4-1-2) : ปีเตอร์ เช็ก – นาโช่ มอนเรอัล, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลส – เซอัด โคลาซินัช, อารอน แรมซี่ย์, ลูกัส ตอร์เรร่า (โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ น.77), เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์ – ไนล์ส , เมซุต โอซิล (เฮนริค มคิทาร์ยาน น.66) – อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ (อเล็กซ์ อิโวบี้ น.66), ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง

นาโปลี (4-4-2) : อเล็กซ์ เมเร็ต -เอลซิด ไฮซาจ, นิโคล่า มักซิโมวิช, คาลิดู กูลิบาลี่, มาริโอ รุย – โฆเซ่ กาเยฆอน, อัลลัน, ฟาเบียน รูอิซ (อดัม อูนาส์ น.82), ปิโอเตอร์ เซลินสกี้ – ลอเรนโซ่ อินซินเย่ (อามิน ยูเนส น.82), ดรีส์ เมอร์เท่นส์ (อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค น.66)

ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก เชลซี แซงขึ้นที่ 3 “อาซาร์” เหนือชั้นลุ้นดาวซัลโว-ท็อปแอสซิสต์

อาซาร์ โชว์ฟอร์มสุดเจ๋งเป็นฮีโร่เหมาคนเดียวสองประตูพา “สิงห์บลูส์” ถลุงเวสต์แฮม ขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ของตารางพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
หลังวันก่อน อาร์เซน่อล ทำไม่ได้เมื่อบุกไปพ่าย เอฟเวอร์ตัน 0-1 ทำให้โอกาสหล่นมาอยู่ที่ เชลซี ที่มีคิวแข่งที่หลังกว่า

และลูกทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย หลังเปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์บดเอาชนะ เวสต์แฮม ไปได้ 2-0 เป็นชัยชนะในลีก 3 เกมติด อีกทั้งยังตอกย้ำสถิติเหนือ “ขุนค้อน” นับแต่ปี 2002 ที่พวกเขาไม่แพ้ให้เวสต์แฮมเลย

เชลซี เก็บอีกสามคะแนน มีเพิ่มเป็น 66 แต้ม รั้งอันดับ 3 มากกว่าสเปอร์ส อันดับ 4 สองแต้ม และอาร์เซน่อล อันดับ 5 ถึงสามแต้ม แต่ “สิงห์บลูส์” นั้นแข่งมากกว่าหนึ่งนัด

และไม่พูดไม่ได้เลยคือฟอร์มอันสุดยอดของ เอแด็น อาซาร์ ฮีโร่ของสิงห์บลูส์ กลายเป็น “เดอะแบ็ก” อย่างแท้จริงหลังโชว์ผลงานขั้นเทพ ตะบันคนเดียวสองเม็ดในเกมนี้

โดยเฉพาะลูกแรกของ อาซาร์ ใครได้ดูจะพูดได้เลยว่า “สุดยอด” จังหวะรับบอลจากรูเบน ลอฟตัส-ชีค แล้วลากเข้ามากว่า 40 หลา ผ่านแข้งขุนค้อน สอง สาม สี่คน แล้วซัดด้วยซ้ายผ่านลูคัส ฟาเบียนสกี้เข้าไปอย่างเหนือชั้น

ประตูเบิกร่องของจอมทัพเบลเยียม ทำให้ เชลซี เล่นได้ง่าย ครองเกมได้ทั้งหมด แม้ครึ่งเวลาหลัง “ขุนค้อน” จะยกระดับทีมขึ้นมาได้ดีกว่า 45 นาทีแรก มีโอกาสยิงถึง 8 หน แต่น่าเสียดายยังไม่เฉียบคมพอจะเป็นประตูตีเสมอ

ก่อนนาทีสุดท้าย อาซาร์ คนเดิมจะบวกประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ พา “สิงบลูส์” คว้าชัยเหนือเวสต์แฮมไปได้ 2-0

แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เกมนี้ไม่ไปไหนให้เค้าไปเลย “เดอะแบก” อาซาร์ จอมทัพของเชลซี

สองประตูทำให้ เพลย์เมกเกอร์วัย 28 ปี ทำสถิติยิงเพิ่มในลีกไปแล้ว 16 ประตู ตามหลัง เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ของแมนฯซิตี้แค่ 3 ลูก

ขณะที่ “ท็อปแอสซิสต์” อาซาร์ เองก็นำเดี่ยวคนเดียวหลังจ่ายให้เพื่อนทำประตูมากกว่าใครในลีกที่ 12 ครั้ง

และนี่คืออันดับตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมสถิติดาวซัลโว และท็อปแอสซิสต์ หลังเกมเมื่อวันจันทร์ที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา

ปกป้องลูกพี่! โอซิล เดือดขว้างเสื้อโค้ทใส่ซิลวา

โอซิล จอมทัพอาร์เซน่อล อดรนทนไม่ไหวเห็น อูไน เอเมรี่ กุนซือตัวเอง มีปากเสียงกับ มาร์โก ซิลวา บริเวณริมเส้นข้างสนาม ก็เลยขอร่วมแจมด้วยการขว้างเสื้อโค้ทใส่ ผู้จัดการทีมเจ้าบ้าน แบบไม่เกรงใจ งานนี้ทำเอาหลายคนแซมสนั่นในโลกออนไลน์ก็สนุกเลยทีเดียว
เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์ชาวเยอรมันของ อาร์เซน่อล มีส่วนพัวพันกับเหตุการณ์มีปากเสียงระหว่าง มาร์โก ซิลวา กับ อูไน เอเมรี่ กุนซือ “ไอ้ปืนใหญ่” เมื่อเขาขว้างเสื้อโค้ทใส่ นายใหญ่เอฟเวอร์ตัน เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา

เกมที่สนามกูดิสัน พาร์ค เจ้าบ้านได้ประตูนำตั้งแต่สิบนาทีแรกจาก ฟีล จากีลก้า หลังจากนั้น อาร์เซน่อล พยายามที่จะทวงประตูคืนให้ได้ทำให้เกมเข้มข้นดุเดือดยิ่งขึ้น โดยมีอยู่จังหวะหนึ่งที่ ชโคดราน มุสตาฟี่ เข้าเสียบหนักใส่ โดมินิก คัลเวิร์ท-เลวิน ต่อหน้าสองกุนซือ และทำให้ทั้งคู่ปะทะคารมอย่างดุเดือนบริเวณริมเส้นข้างสนาม

ขณะนั้น จอมทัพเลือดด๊อยท์ช ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 74 เกิดตบะแตกเหมือนกันก็เลยตัดสินใจเข้าร่วมแจมด้วยโดยเขาหยิบเสื้อโค้ทของตัวเองขว้างใส่ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส แบบไม่เกรงใจ โดยในจังหวะดังกล่าว มุสตาฟี่ โดนใบเหลืองไปโดยปริยาย

ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก แมนยูแพ้ชวดขึ้นที่ 3 บ๊ายบายฟูแล่ม สถานการณ์หนีตกชั้น

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา เป็นเกมนัดตกค้างมีสองคู่ที่น่าสนใจ “หมาป่า” วูลฟ์แฮมป์ตัน เปิดรับรับมือ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งคู่นี้เคยเจอกันมาล่าสุดในเกม เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นทัพหมาป่าที่สอยผีแดงร่วงพร้อมตีตั๋วเข้ารอบตัดเชือกที่เวมบลี่ย์

เกมนี้ “ทัพอสูร” เหมือนจะเริ่มต้นได้ดี เมื่อ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ยิงให้ แมนฯยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 แต่จากความผิดพลาดรายบุคคลของแข้งปีศาจแดงทำให้ต้องมาเสียประตูตีเสมอ 1-1 ก่อนจบครึ่งเวลาแรก

และครึ่งหลัง กลายเป็น “หมาป่า” ที่เล่นได้ดีกว่า ยิ่งทีมเยือนมาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ แอชลี่ย์ ยัง มาโดนใบเหลืองที่สองเป็น “ใบแดง” ถูกไล่ออกจากสนาม ซึ่งเมื่อต้องเล่น 10 คน ดูจะปั่นป่วนไปหมด และเจ้าถิ่นก็ฉวยโอกาสที่ตัวนั้นมากกว่าไล่บดกดดันก่อนจะมาได้ประตูชัยจากการทำเข้าประตูตัวเองของ คริส สมอลลิง จบเกมกลายเป็น “หมาป่า” ที่ตอกย้ำชัยชนะให้ “ปีศาจแดง” อีกคำรบ

ลูกทีมของ โอเล่ โซลชา ล้างแค้นไม่สำเร็จ! แพ้ให้วูล์ฟสฯ 2 เกมติด แถมสถิติเจอกัน 3 นัด ซีซั่นนี้ แมนฯยูไนเต็ด ไม่เคยชนะเลย

อีกทั้ง ทิ้งโอกาสขึ้นอันดับ 3 กลายเป็นพ่ายนัดที่ 7 ในลีก รั้งอันดับ 5 เหมือนเดิม และคืนวันพุธนี้หาก “สิงห์บลูส์” คว้าสามแต้มเหนือไบรท์ตันได้จะแซงอสูรแดงขึ้นที่ 5 แทนพร้อมกับถีบแมนยูหล่นไปอยู่ที่ 6 แทน

ส่วนผลอีกคู่น่าสนใจไม่แพ้กัน วัตฟอร์ด ซึ่งปีนี้ได้ผ่านเข้าไปเล่นใน เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ แม้สองเกมล่าสุดในลีกจะพ่ายให้สองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์มา แต่เกมนี้ฟอร์มโคตรดุรัวถล่มใส่ ฟูแล่ม เละเทะ 4-1

ความพ่ายแพ้ของ “เจ้าสัวน้อย” ส่งผลให้ตกชั้นตาม ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ร่วงไปเล่นในแชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลหน้าอย่างเป็นทางการ แม้จะเหลือโปรแกรมอีก 5 เกมในลีกก็ตาม

แล้วทีมไหนจะหล่นตกชั้นเป็นทีมสุดท้าย? แน่นอนว่าทั้ง บอร์นมัธ, คริสตัล พาเลซ, นิวคาสเซิ่ล, ไบรท์ตัน, เซาธ์แฮมป์ตัน, เบิร์นลี่ย์ และคาร์ดิฟฟ์ ต่างก็มีโอกาสร่วงด้วยกันหมด โดยเฉพาะ “บลูเบิร์ดส” ทีมอันดับ 17 ที่มีโอกาสร่วงมากกว่าใครหลังตามโซนปลอดภัยถึง 5 แต้ม ทั้งเกมตกค้างวันพุธนี้พวกเขาต้องบุกไปเยือนแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีก

ทิ้งท้ายด้วย อันดับตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมถึงดาวซัลโวและท็อปแอสซิตส์ของซีซั่น หลังสิ้นสุดโปรแกรมเมื่อวันอังคารที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา

แมนยูสะดุ้ง!เปิด3แข้งเป้าหมายบาร์เซโลน่า

บาร์เซโลน่า อยากได้มาร่วมทีม โดยมีชื่อแข้ง “ปีศาจแดง” ติดอยู่ในนั้นด้วย
มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็น 1 ใน 3 นักเตะเป้าหมายที่ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก ลา ลีกา สเปน เล็งดึงมาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ ตามรายงานจาก มุนโด เดปอร์ติโบ สื่อแดนกระทิงดุ เมื่อวันอังคารที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา

บาร์ซ่า ต้องการได้ดาวยิงคนใหม่มาแทน หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ที่เวลานี้มีอายุ 32 ปีแล้ว และมองว่า แรชฟอร์ด น่าจะเป็นตัวตายตัวแทนที่เหมาะสม เพราะนอกจากฝีเท้าเยี่ยมแล้วนั้น ยังเพิ่งมีอายุแค่ 21 ปีเท่านั้นอีกด้วย

ส่วนนักเตะอีก 2 คนที่ บาร์เซโลน่า เล็งไว้ก็คือ อ็องตวน กรีซมันน์ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ของ แอตเลติโก มาดริด และ ลูก้า โยวิช ดาวยิงฟอร์มร้อนแรงของ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งเฟิร์ต ที่ทำประตูใน บุนเดสลีกา ฤดูกาลนี้ ไปแล้ว 15 ลูก

อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ “ปีศาจแดง” จะยอมปล่อย แรชฟอร์ด ออกจากถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และคาดว่าเตรียมจับต่อสัญญาในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะทำให้ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ได้ค่าเหนื่อยเพิ่มจาก 45,000 ปอนด์ (ประมาณ 1.85 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ เป็น 150,000 ปอนด์ (ประมาณ 6.15 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์

พระเจ้าชอบ!2แข้งแมนยูคนไหนที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ชมเป็นพิเศษ

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้า ลอสแองเจลิส แกแล็กซี่ กล่าวชม ปอล ป็อกบา กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด 2 แข้งของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นพิเศษ โดยบอกว่า “ปีศาจแดง” ควรจะให้ทั้งคู่เป็นศูนย์กลางของทีมด้วย
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หัวหอกคนดังของ ลอสแองเจลิส แกแล็กซี่ สโมสรในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (เอ็มแอลเอส) สหรัฐอเมริกา กล่าวยกย่อง ปอล ป็อกบา กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด 2 ดาวเตะตัวหลักของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าเป็นแข้งที่ยอดเยี่ยม

ป็อกบา เคยทำผลงานได้น่าผิดหวังในช่วงต้นฤดูกาลนี้ แต่หลังจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวของ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสุดๆ จนกลายเป็นคนที่ทีมขาดไม่ได้ไปแล้ว ส่วน แรชฟอร์ด ก็กำลังทำประตูได้เรื่อยๆ เช่นกัน

อิบราฮิโมวิช ที่เคยเล่นร่วมกับทั้งคู่ในสีเสื้อของ แมนฯ ยูไนเต็ด เผยว่า “ผมคิดว่า ป็อกบา มีศักยภาพดีพอที่จะเป็นนักเตะระดับโลก เขาเป็นคนดี เขาซ้อมหนักมาก เขาฟังที่คนอื่นพูด เขาอยากเก่งขึ้น เขาอยากชนะ เขาอยากเล่นให้ดีในทุกๆ เกม สิ่งที่เกิดขึ้นนอกสโมสรมันไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจเลย เพราะเมื่อคุณอยู่ในระดับสูงแบบนั้นแล้วเนี่ย ทุกคนก็จะพูดถึงคุณอยู่เสมอ ไม่ว่าจะทั้งในแง่ดีและแง่ลบ”

“ขณะที่ แรชฟอร์ด ก็ถือเป็นอนาคตของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตอนแรกผมคิดว่าเขาชอบเล่นแบบฉายเดี่ยวมากกว่า แต่ตอนนี้เขาหันมาเล่นเป็นทีมมากขึ้นแล้ว เขากำลังใช้คุณภาพของตัวเองเพื่อทีมมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวเขาแค่คนเดียว เขามีศักยภาพสูงมาก และมีอนาคตที่สดใสกับ ยูไนเต็ด สิ่งที่พิเศษขึ้นไปอีกก็คือเขามาจากอะคาเดมี่ของทีมด้วย ผมคิดว่าเขาพัฒนาได้แบบไร้ขีดจำกัดเลยล่ะเขาต้องเดินหน้าทำให้ได้แบบนี้ต่อไป แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องสร้างทีมโดยให้ทั้ง 2 คนนี้เป็นศูนย์กลางของพวกเขา”

ไฟเขียว! ลิเวอร์พูลพร้อมอนุมัติงบมหาศาลให้ คล็อปป์ ดึง อิสโก้

ลิเวอร์พูล เตรียมอนุมัติเงินจำนวน 100 ล้านปอนด์ ให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพื่อเป็นค่าตัวของ อิสโก้ มาเสริมความแกร่งในแนวรุกในช่วงซัมเมอร์นี้
บอร์ดบริหารของลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมอนุมัติเงินจำนวน 100 ล้านยูโร ให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพื่อนำไปสู่ขอ อิสโก้ มิดฟิลด์ชาวสแปนิชของ เรอัล มาดริด มาร่วมทีม หลังจบซีซั่นนี้ จากการายงานของ ดิอาริโอ โกล สื่อชื่อดังจากสเปน เมิ่อวันที่ 18 มีนาคม

อิสโก้ วัย 26 ปี ที่ยังเหลือสัญญากับ “ราชันชุดขาว” ถึงปี 2022 ต้องกลายเป็นส่วนเกินของทีมภายใต้การทำทีมของกุนซือ ซานติอาโก้ โซลารี่ หลังจาก จูเลน โลเปเตกี โดนปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามเจ้าตัวเพิ่งกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริง และทำได้หนึ่งประตูในเกมที่ เรอัล มาดริด ชนะ เซลต้า บีโก้ 2-0 ในเกมลีกนัดล่าสุด หลังจากสโมสรประกาศแต่งตั้ง ซีเนดีน ซานดาน เฮ้ดโค้ชชาวฝรั่งเศสกลับมากุมบังเหียนรอบที่สอง ทำให้สถานการณ์ของเจ้าตัวกลับมาสดใสอีกครั้ง

แต่ถึงกระนั้นล่าสุด ดิอาริโอ โกล ระบุว่า คล็อปป์ กำลังจับตาดูสถานการณ์ของ อิสโก้ อย่างใกล้ชิด โดยต้องการมาเสริมความแกร่งในแนวรุกเนื่องจากทีมกำลังขาดนักเตะสร้างสรรค์เกม ซึ่งมิดฟิลด์ชาวสเปนตอบโจทย์ดังกล่าว และน่าจะเล่นเข้ากับระบบทีม

ขณะเดียวกัน ดอน บาลอน อีกหนึ่งสื่อจากสเปน อ้างว่า อิสโก้ ได้ตัดสินใจวางแผนอำลาทีมล่วงหน้าไว้แล้วหลังจบซีซํ่นนี้ โดยมี พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นเป้าหมายต่อไป และนักเตะได้รับอนุญาตจากสโมสรให้ย้ายทีมได้โดยตั้งค่าตัวไว้ที่ 100 ล้านยูโร