หน่อไม้ฝรั่ง นับว่าเป็นผักโปรดในใจคนอีกหลายๆคน เนื่องจากมีอีกทั้งความกรุบกรอบไม่ซ้ำใคร รสดี อร่อยนัว มีกลิ่นส่วนตัว แถมยังนำไปทำอาหารได้หลากหลาย ที่สำคัญผลดีเด็ดๆคุณประโยชน์โดนๆมากมาย ฮั่นแน่ กล่าวมาขนาดนี้ มั่นใจว่าคู่รักการปลูกผักอาจจะอยากได้แนวทางปลูกหน่อไม้ฝรั่งไว้รับประทานเองที่บ้านกันจะแย่แล้ว ถ้างั้นอย่ามัวรอคอยช้า ตามมามองแนวทางปลูกหน่อไม้ฝรั่งพร้อมเพียงกันเลยนะ
ทำความรู้จักหน่อไม้ฝรั่งกันก่อน
ต้นหน่อไม้ฝรั่ง หรือ Asparagus มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Asparagus Officinalis จัดอยู่ในวง Asparagaceae เป็นผักที่มีคุณค่าทางของกินสูง เอามาทำอาหารได้นานัปการ รสดี มีความกรุบกรอบ โดยจะใช้ประโยชน์จากหน่อเป็นหลัก แบ่งได้หน่อเขียว (หน่อที่โผล่พ้นเหนือดิน) กับหน่อขาว (หน่อที่กลบอยู่ใต้ดิน ไม่ได้รับแสงแดด) ในด้านการปลูกและก็การดูแลก็ออกจะง่าย เก็บเกี่ยวได้นาน สามารถปลูกไว้ทำครัวรับประทานเองที่บ้านก็ได้ หรือจะปลูกไว้ส่งขายก็ทำรายได้พอได้เลยนะ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชอายุยาวนานหลายปี มีราก 2 ประเภทหมายถึงรากเนื้อแล้วก็รากฝอย ฝังลึกอยู่ใต้ดินทั้งสอง ส่วนลำต้นแบ่งได้เป็น 2 ส่วน เช่น ลำต้นใต้ดินกับลำต้นบนดิน โดยลำต้นใต้ดินหรือเหง้าจะอยู่ชิดกับราก มีลักษณะเหมือนแท่งดินสอกระจัดกระจายออกรอบทิศสีน้ำตาล ส่วนลำต้นบนดินช่วงแรกจะเรียกว่าหน่ออ่อน ยอดอ่อน หรือสเปียร์ (Spear) แตกออกมาจากตาข้างลำต้นใต้ดิน ปกคลุมด้วยใบแท้ มีลักษณะเป็นเกล็ดบางๆตามข้อ โดยจะโผล่พ้นดินขึ้นมาโดยประมาณ 90-120 ซม. ทรงเหมือนเฟิร์นนิดหน่อย มีกิ่งลักษณะที่คล้ายใบ เรียกว่า คลากระโดด (Cladodes) หรือคลาโดฟิล (Cladophyll)
หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่เพศผู้แล้วก็เพศเมียแยกกันอยู่ จำต้องอาศัยแมลงช่วยสำหรับเพื่อการผสมเกสร ดอกจะออกค่อนข้างจะเร็ว มีลักษณะเป็นรูประฆัง สีเขียวแกมเหลือง โดยดอกของต้นเพศผู้จะมีขนาดใหญ่รวมทั้งยาวกว่า ส่วนดอกของต้นเพศเมียจะมีขนาดเล็กแล้วก็น้อยกว่า มักขึ้นตามกิ่งก้าน นอกเหนือจากยังมีผลเหมือนเบอร์รีทรงกลมๆเล็กๆตอนอ่อนเป็นสีเขียว ตอนสุกเป็นสีแดงส้ม มีเม็ดสีดำด้านในอยู่ 2-3 เม็ดด้วย

สายพันธุ์ที่นิยมปลูก
หน่อไม้ฝรั่งที่ชาวไทยนิยมนำมาปลูกมีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ เป็นต้นว่า
1 หน่อไม้ฝรั่งชนิดแมรี่วอชิงตัน (Mary Washington) เป็นหน่อไม้ฝรั่งชนิดแรกที่ปลูกเอาไว้ภายในไทย ได้ผลผลิตค่อนข้างจะดีแต่น้อยกว่าประเภทอื่น ก็เลยไม่ค่อยนิยมในขณะนี้
2 หน่อไม้ฝรั่งชนิดแคลิฟอร์เนีย 500 (California 500) เป็นหน่อไม้ฝรั่งที่แก่เก็บเกี่ยวเร็ว ได้ผลผลิตใกล้เคียงกับจำพวกแมรี่วอชิงตัน
3 หน่อไม้ฝรั่งจำพวกแคลิฟอร์เนีย 309 (California 309) เป็นหน่อไม้ฝรั่งที่ได้รับการค้นคว้าว่าแข็งแรง แถมยังได้ผลผลิตดีมากยิ่งกว่าแล้วก็ขนาดใหญ่กว่าชนิดแมรี่วอชิงตันแล้วก็ประเภทแคลิฟอร์เนีย 500
4 หน่อไม้ฝรั่งชนิดไฮบริดอิมพีเรียล (Hybrid Imperial) เป็นหน่อไม้ฝรั่งประเภทลูกผสม ได้ผลผลิตสูงขึ้นมากยิ่งกว่าทั้งยังแมรี่วอชิงตัน แคลิฟอร์เนีย 500 และก็แคลิฟอร์เนีย 309
5 หน่อไม้ฝรั่งประเภทบร็อคอินพรู๊ฟ (Brock’s Improved) เป็นหน่อไม้ฝรั่งชนิดลูกผสม ได้ผลผลิตมากที่สุด เม็ดก็เลยราคาแพงแพง

แนวทางปลูกหน่อไม้ฝรั่ง
กรรมวิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งสามารถทำเป็น 2 แบบ เป็น
1 การเพาะกล้าลงในแปลงปลูกโดยตรง
ในการเพาะต้นกล้าลงในแปลงปลูกโดยตรง ขั้นแรกให้พวกเราตระเตรียมแปลงปลูกด้วยการขุดดินเป็นร่องแปลงสูง 30 ซม. กว้าง 1 เมตร ยาว 10 เมตร อย่าลืมกระพรวนดินอย่างรอบคอบ กำจัดวัชพืชให้หมดจด รวมทั้งคลุกปุ๋ยมูลสัตว์/ปุ๋ยธรรมชาติ+ปุ๋ยวิทยาศาสตร์+ปูน ลงไปในดินให้บ่อย
ต่อจากนั้นเกลี่ยหน้าดินให้เรียบ แล้วทำหลุมสำหรับหยอดเม็ด กะให้ลึกโดยประมาณ 2 ซม. เว้นระยะห่างราว 15-20 ซม. เสร็จรวมทั้งหยอดเม็ดลงไปหลุมละ 1 เม็ด หลังจากนั้นใช้ดินกลบบางๆแล้วก็ใช้เศษฟางหรือต้นหญ้าแห้งปกคลุมทับ (สามารถโรยฟูราดานเพื่อคุ้มครองแมลงได้) พร้อมกับหมั่นดูแลรดน้ำเป็นประจำ โดยเม็ดจะเริ่มผลิออกภายหลังปลูกราว 10-15 วัน ซึ่งควรจะคอยให้เม็ดแตกหน่อออกมาสัก 2-3 ซม. และหลังจากนั้นก็ค่อยให้ปุ๋ยรีบ อย่าลืมกำจัดวัชพืชและก็ถอนต้นหญ้าด้วย

2 การเพาะกล้าลงในถุง แล้วย้ายลงแปลงปลูก
สำหรับในการเพาะต้นกล้าลงในถุง ให้พวกเราผสมดินร่วนซุย 1 ส่วน เศษใบไม้ 1 ส่วน เถ้าแกลบ 1 ส่วน แล้วก็ปุ๋ยธรรมชาติ 1 ส่วน เข้าด้วยกัน แล้วหลังจากนั้นกรอกใส่ถุงเพาะชำ แล้วหยอดเม็ดตามลงไป เสร็จแล้วหลังจากนั้นก็ให้นำไปตั้งไว้ที่โล่งแจ้งและก็รดน้ำทุกวี่ทุกวัน ไม่นานสักราวๆ 3-4 เดือน ต้นกล้าก็จะเติบโต แข็งแรง พร้อมแก่การย้ายปลูก ส่วนขั้นตอนอื่นๆระหว่างรอย้ายลงแปลงปลูก มีดังนี้
- การเตรียมแปลงปลูก : ให้พวกเราขุดกลับดินให้ดี ย่อยดินให้ถี่ถ้วน พร้อมกับผสมปุ๋ยแล้วก็แกลบให้เหมาะ แล้วตากทิ้งเอาไว้ราว 2 เดือน พอเพียงถึงกำหนดก็อวยพรวนดินซ้ำอีกรอบ กำจัดวัชพืช แล้วชูร่องขึ้นสูงรวมทั้งเกลี่ยหน้าดินให้เรียบเพื่อตระเตรียมทำหลุมปลูก
- การเตรียมหลุมปลูก : ให้พวกเราขุดหลุมลึก 15-25 ซม. กว้าง 20 ซม. พร้อมด้วยผสมปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ราวๆ 1 ช้อนชา กับปุ๋ยมูลสัตว์หรือเถ้าแกลบ 2 กำมือ เพื่อใช้รองตูดหลุม (สามารถผสมฟูราดานเข้าไปเพื่อคุ้มครองป้องกันแมลงได้)
- การจัดระยะปลูก : หน่อไม้ฝรั่งควรจะปลูกให้แถวห่างกันโดยประมาณ 1-1.5 เมตร แม้กระนั้นถ้าคนไหนต้องการปลูกผักอื่นแซมด้วย ก็สามารถเว้นระยะห่างมากยิ่งกว่านี้ได้
- การเตรียมย้ายกล้าลงปลูกภายในแปลง : ให้เลือกต้นกล้าที่แข็งแรง บริบูรณ์ แล้วก็มีรากมากมาย อายุสักราวๆ 3-4 เดือน แล้วต่อจากนั้นตัดยอดต้นกล้าออกให้ต้นสูงราวๆ 15 ซม. แล้วแช่โคนและก็รากลงไปในน้ำผสมสารคุ้มครองป้องกันเชื้อราราวๆ 15 นาที และจากนั้นจึงนำไปทำปลูก ระวังไม่ให้รากขาด โดยขณะที่เหมาะสมจะย้ายกล้าลงปลูกจะเป็นตอนบ่ายๆใกล้เย็นที่มีแสงอาทิตย์อ่อนๆ
- การปลูก : ให้ปลูกหลุมละ 1 ต้น โดยจำต้องแผ่รากของต้นกล้าให้กระจัดกระจาย ไม่กลุ่ม และกลบดินหรือโกยดินรอบโคนต้นให้สูงมากขึ้นมา แล้วกดให้แน่น แล้วก็รดน้ำให้เปียกชื้น

วิธีสำหรับดูแลแล้วก็เก็บเกี่ยวหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่ถูกใจดินร่วนซุยผสมทราย ปรารถนาแสงไฟส่องถึงหน้าดิน อยากน้ำเป็นประจำ ถูกใจหน้าดินเปียกชื้นๆแต่ว่าเกลียดชังดินเฉอะแฉะ การบำรุงทำเป็นโดยการใส่ปุ๋ยธรรมชาติหรือปุ๋ยเคมีเป็นบางครั้งบางคราว พร้อมกับหมั่นกำจัดวัชพืชและก็โกยดินกลบโคนต้นบ่อยๆ แล้วก็ที่สำคัญหน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่แตกหน่อ แตกก้านเยอะขึ้นด้วยเหตุนี้ถ้าเกิดไม่อยากที่จะให้แย่งของกินคุ้นเคยจนถึงแคระแกร็น ก็อย่าลืมตัดแต่งทรงเสมอๆหรือจะพักต้น (การถอนต้นที่มีภาวะไม่ดีทิ้ง เหลือแค่ต้นที่ภาวะดีไว้) แทนก็ได้
โดยหน่อไม้ฝรั่งจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ตอนอายุ 4 เดือน หรือเมื่อหน่อโผล่พ้นเหนือดินขึ้นมาโดยประมาณ 20 ซม. (ไม่เกิน 27 ซม.) ซึ่งภายหลังปลูกแรกๆให้เก็บเฉพาะหน่อเขียวก่อน แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยเก็บหน่อขาวในตอนหลังหรือตอนราวๆ 2-3 ปี ด้วยเหตุว่าพักหลังปลูกใหม่ๆหน่อขาวจะยังไม่สมบูรณ์
สำหรับวิธีแยกหน่อเขียวกับหน่อขาวเป็นหน่อเขียวจะเป็นหน่ออ่อนแทงขึ้นมาเหนือดินมากยิ่งกว่า 17 ซม. ให้เก็บด้วยการขุดดินตรงลงไป แล้วก็ใช้มือดึงเอาหน่อออกมา แล้วก็โกยดินกลบ ส่วนหน่อขาวเป็นหน่อที่อยู่ใต้ดิน ด้วยเหตุดังกล่าววิธีการปลูกจำเป็นจะต้องโกยดินกลบให้สูงตามความยาวที่ปรารถนา โดยส่วนมากจะมีความยาวมากยิ่งกว่า 17 ซม.
โรครวมทั้งแมลงที่ต้องระมัดระวัง
โรคที่พบมากในต้นหน่อไม้ฝรั่ง ดังต่อไปนี้
1 โรคลำต้นไหม้ : จะเป็นแผลสีน้ำตาลตามลำต้น กิ่ง ก้าน รวมทั้งใบ กระทั่งทำให้ใบหล่นรวมทั้งต้นแห้งตาย คุ้มครองปกป้องได้ด้วยการระบายน้ำอย่าให้ขัง ถอนต้นทิ้งก่อนขยาย แล้วก็ฉีดยาปกป้อง
2 โรคเน่าแฉะ : จะเกิดขึ้นกับต้นอ่อน มีลักษณะชุ่มฉ่ำน้ำที่ปลายยอดจนกระทั่งยอดอ่อนมีสีเหลือง พร้อมด้วยขึ้นราสีเทาเป็นก้านสั้นๆปกป้องได้ด้วยการฉีดยากำจัดโรค
3 โรคเน่าเละ : จะมีลักษณะเยื่อนุ่ม บอบช้ำ ลื่น รวมทั้งเหม็น โดยมากเป็นที่ปลายยอดหรือปลายหน่อ ปกป้องได้ด้วยการระวังขณะเก็บเกี่ยว หลบหลีกกระบวนการทำให้กำเนิดแผล คัดเลือกเฉพาะหน่อที่บริบูรณ์ รวมทั้งกระทำการลดอุณหภูมิในทันทีข้างหลังเก็บ
4 โรคหน่อเน่า : จะมีลักษณะอาการบอบช้ำน้ำ ซึ่งอาจจะมีการเกิดขึ้นที่ส่วนใดก็ได้ แม้กระนั้นส่วนใหญ่จะเริ่มที่โคนหน่อ คุ้มครองได้ด้วยการระวังไม่ให้หนอนกัดและไม่ให้เครื่องใช้ไม้สอยลูกพรวนดินไปโดน
5 โรครากแล้วก็โคนเน่า : จะมีลักษณะเน่าตามยอดหน่อหรือรอยตัด คุ้มครองปกป้องได้ด้วยการลดอุณหภูมิอย่างเร็วข้างหลังเก็บเกี่ยวแล้วก็ระวังความชุ่มชื้นรอบๆยอดหน่อ
6โรคแอนแทรกโนส : จะเป็นแผลสีน้ำตาลเห็นได้ชัดเจน เมื่อเริ่มขยายจะมีผลให้ลำต้นยุบแล้วก็แห้งตาย คุ้มครองได้ด้วยการกำจัดส่วนที่เป็นโรคออกไปทำลาย ระวังน้ำนอง รวมทั้งฉีดยาคุ้มครองป้องกัน
ส่วนพวกแมลงหรือศัตรูพืชที่มักพบจะเป็นพวกหนอนหัวข้อหอม หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนคืบ เพลี้ยไฟฝ้าย แล้วก็เพลี้ยไฟหอม ด้วยเหตุดังกล่าวหากคนใดกันแน่คิดจะปลูก ก็อย่าลืมระวังและก็หมั่นกำจัดแมลงพวกนี้ออกไปด้วย
คุณประโยชน์และก็คุณประโยชน์อันดีเลิศ
นอกเหนือจากการที่จะปลูกได้ไม่ยากรวมทั้งดูแลง่ายแล้ว จำต้องบอกเลยว่าผักมีความกรอบ รสกลมกล่อมละมุนละไม แล้วก็มีสารอาหารหลบซ่อนอยู่เยอะ แถมยังนำไปเตรียมอาหารได้อีกทั้งต้ม ผัด ลวก แถมยังช่วยลดหุ่น ช่วยปรับให้สมดุลไส้ ช่วยลดการเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ บำรุงท้อง บำรุงสมอง รวมทั้งฯลฯ สรุปว่าหากคนใดใคร่รู้เพิ่ม ก็ทดลองตามไปดูกันได้ ยืนยันจำต้องตกหลุมรักการกินหน่อไม้ฝรั่งแน่