หมวดหมู่: ข่าวต่างประเทศ

มหาวิทยาลัยเซา เปาโลในบราซิล ซึ่งปฏิบัติการทดลองวัคซีนต้านทานเชื้อไวรัสโควิด-19 ของแอสตร้าเซเนก้า (AstraZeneca) ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของอังกฤษ กล่าวมาว่า อาสาสมัครรายหนึ่งซึ่งเป็นชาวบราซิลที่ได้เข้าร่วมโครงงานวัคซีนดังที่กล่าวมาแล้วได้เสียชีวิตลง

ข่าวสารดังที่กล่าวมาแล้วมีขึ้น ภายหลังที่เมื่อเดือน กันยายนก่อนหน้านี้ หลายประเทศทั้งโลกได้ยับยั้งการทดสอบวัคซีน AZD1222 ที่แอสตร้าเซเนก้าปรับปรุงร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เนื่องมาจากอาสาสมัครรายหนึ่งมีอาการป่วยไข้ที่ไม่อาจจะอธิบายได้ หลังจากได้รับการฉีดยาดังที่กล่าวมาแล้ว

ทางด้านสำนักงานของกินและก็ยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้สำเร็จกรรมวิธีตรวจสอบผลกระทบต่อคนป่วยจากการใช้วัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว แล้วก็มีการคาดเดาว่า FDA บางครั้งอาจจะอนุญาตให้บริษัทสามารถกลับมาเริ่มจัดการทดสอบทางสถานพยาบาลสำหรับวัคซีนต้านทานโควิด-19 ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อีกทีด้านในอาทิตย์นี้

อย่างไรก็แล้วแต่ ยังกำกวมว่า การที่อาสาสมัครชาวบราซิลเสียชีวิตจากการร่วมแผนการดังที่กล่าวมาแล้ว จะก่อให้ FDA ทวนการตัดสินใจที่จะให้แอสตร้าเซเนก้ากลับมาทดลองวัคซีนดังที่กล่าวมาแล้วอีกทีไหม หลังจากที่หลายประเทศอนุญาตให้มีการทดสอบวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าตอนนี้

ดังนี้ การทดลองวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าได้เริ่มขึ้นอีกทีในสหราชอาณาจักร บราซิล แอฟริกาใต้ รวมทั้งประเทศอินเดีย

ประชากรนับล้านในภาคกึ่งกลางของเวียดนาม กำลังเจอหน้ากับอุทกภัยครั้งใหญ่ ภายหลังในตอน 2 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ฝนตกลงมาโดยตลอด สภากาชาดเวียดนามกล่าวมาว่า สถานะการณ์อุทกภัยในเวียดนามคราวนี้ นับเป็นครั้งที่ร้ายแรงที่สุดในรอบทศวรรษ อาคารบ้านเรือนประชากร ถนนหนทาง รวมทั้ง ส่วนประกอบสาธารณะรากฐานต่างจมอยู่ใต้น้ำ

สถานะการณ์น้ำหลากที่เวียดนามในคราวนี้ น้ำได้เข้าท่วมอาคารบ้านเรือนแล้วอย่างต่ำ 178,000 หลังคาเรือน มีสามัญชนเสียชีวิตแล้วขั้นต่ำ 105 ราย รวมทั้งหายอีก 27 ราย ยิ่งไปกว่านี้ยังทำลายพื้นที่ทางการเกษตรเกือบจะ 7,000 เฮกตาร์ (หรือโดยประมาณ 42,000 ไร่) และก็ยังสร้างผลพวงต่อสัตว์ปีกกว่า 690,000 ตัว รวมทั้งปศุสัตว์ตายและก็หายจำนวนมาก

ดังนี้มีการคาดการณ์ว่าเหตุการณ์อุทกภัยในเวียดนามบางทีก็อาจจะเลวลงอีก เนื่องมาจากมีการเตือนภัยพายุลูกใหม่ที่จะพัดขึ้นบกที่เวียดนามในตอนสุดสัปดาห์นี้

องค์การนาซาประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ(สหรัฐอเมริกา) เผยในวันอังคารว่า ยานตรวจสอบโอซิริส-เร็กซ์ (OSIRIS-REx) จะทำภารกิจลงเฉียดฉิวใกล้ดาวเคราะห์น้อยเบนนู ในแบบอย่าง touch-and-go เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ บริเวณพิกัดที่เรียกว่าไนติงเกล บนดาวเคราะห์น้อยซึ่งห่างจากโลกไปกว่า 300 ล้านกม. เพื่อเก็บส่วนประกอบแบบอย่างบนผิวดาวเคราะห์น้อยนำกลับมายังโลก

ยานโอซิริส-เร็กซ์ มีขนาดประมาณรถตู้โดยสารขนาดใหญ่ โคจรรอบดาวเคราะห์น้อยเบนนูมาตั้งแต่ปี 2018 โดยภายหลังภารกิจแตะต้องดาวเคราะห์นี้ ยานโอสิริส-เร็กซ์ จะกลับไปหมุนรอบดาวเคราะห์ถัดไปจนกระทั่งปีต่อไป แล้วก็จะมุ่งหน้ามายังโลกในปี คริสต์ศักราช 2023

ดาวเคราะห์น้อยเบนนู ได้รับความพึงพอใจจากนักวิทยาศาสตร์ ด้วยความศรัทธาว่าดาวเคราะห์น้อยนี้มีส่วนประกอบต่างๆที่มาจากระบบสุริยะในสมัยเดิม และก็บางทีอาจได้เจอสารเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตแล้วก็ห้วงสมุทรของโลก ช่วงเวลาเดียวกันมีการคาดคะเนว่าดาวเคราะห์น้อยเบนนู ยอดเยี่ยมในดาวเคราะห์น้อยที่มีพุ่งเข้าชนโลกได้ในอนาคต

ทาสแมวหลายๆคนน่าจะถูกใจถ่ายภาพเจ้าเหมียวนอนเหยียดตัวแสนสบายอยู่ในสถานที่ต่างๆแต่ว่าคนไหนจะรู้ว่าเมื่อ 2,000 ปีก่อน ก็มีการวาดภาพบันทึกอริยาบทแสนสบายของเจ้าเหมียวเอาไว้ด้วยลายเส้นนาซก้า (Nazca lines) บนทะเลทรายในประเทศเปรู

รูปแมวที่มีขนาดกว่า 37 เมตรรูปนี้ถูกเจอโดยบังเอิญ ระหว่างที่กำลังทำการผลิตทางเท้าเพื่อไปสู่พื้นที่สังเกตการณ์ ที่นักท่องเที่วจะสามารถรับดูภาพจีโอกลิฟ (geoglyphs) ที่กระจายตัวอยู่ล้นหลามในพื้นที่

ในคำแถลงการณ์ของรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของประเทศเปรู เปิดเผยว่า รูปภาพดังที่กล่าวถึงมาแล้วกำลังจะเลือนหายไป ด้วยเหตุว่ามันอยู่บนพื้นที่ชัน ซึ่งได้รับผลพวงจากการกร่อนดินโดยธรรมชาติ

Johny Isla หัวหน้าฝ่ายโบราณคดีวิทยาสำหรับลายเส้นท้องนาซก้า ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว EFE ว่า จากการตีความหมายรูปแมวดังที่กล่าวผ่านมาแล้วด้วยแนวทางประติเตียนมานวิทยา รูปนี้คงจะถูกผลิตขึ้นราว 500 – 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช แล้วก็บางทีอาจวาดเป็นรูปสัตว์ประเภทอื่นๆอาทิเช่น นก แมว ไปจนกระทั่งรูปมนุษย์อีกด้วย

(17 เดือนตุลาคม) เว็บไซต์ไชต์ Worldometers รายงานเหตุการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 17 เดือนตุลาคม 2563 ขณะประมาณ 08.00 น. ตามเวลาไทย เจอมีผู้ป่วยติดเชื้อโรคทั่วทั้งโลกรวม 39,565,948 ราย มากขึ้น 397,419 ราย เสียชีวิต 1,108,617 ราย มากขึ้น 6,100 ราย รักษาหาย 29,648,915 ราย

ประเทศที่เจอรายงานผู้ติดเชื้อโรคสูงสุด 5 ลำดับแรก เช่น
ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อโรค 8,288,278 ราย มากขึ้น 71,687 ราย เสียชีวิต 223,644 ราย มากขึ้น 928 ราย รักษาหาย 5,395,401 ราย
ประเทศอินเดีย มีผู้ติดเชื้อโรค 7,430,635 ราย มากขึ้น 65,126 ราย เสียชีวิต 113,032 ราย มากขึ้น 886 ราย รักษาหาย 6,521,634 ราย
บราซิล มีผู้ติดเชื้อโรค 5,201,570 ราย มากขึ้น 30,574 ราย เสียชีวิต 153,229 ราย มากขึ้น 716 ราย รักษาหาย 4,619,560 ราย
รัสเซีย มีผู้ติดเชื้อโรค 1,369,313 ราย มากขึ้น 15,150 ราย เสียชีวิต 23,723 ราย มากขึ้น 232 ราย รักษาหาย 1,056,582 ราย
ประเทศสเปน มีผู้ติดเชื้อโรค 982,723 ราย มากขึ้น 12,169 ราย เสียชีวิต 33,775 ราย มากขึ้น 222 ราย

ในตอนที่ ประเทศเมียนมา อยู่ในลำดับที่ 78 มีผู้ติดเชื้อโรครวม 33,488 ราย มากขึ้น 1,137 ราย เสียชีวิต 799 ราย มากขึ้น 34 ราย รักษาหาย 15,477 ราย
ส่วนเมืองไทยอยู่ในอันดับที่ 144 มีผู้ติดเชื้อโรค 3,669 ราย มากขึ้น 4 ราย เสียชีวิต 59 ราย รักษาหาย 3,467 ราย

นายโซรอนไบ จีนเบคอฟ ผู้นำคีร์กีซสถาน ประกาศลาออกเมื่อวานนี้ (15 เดือนตุลาคม) หลังจากพบเจอการประท้วงขับไล่นานนับเป็นเวลาหลายวัน ที่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากข้อครหาว่าการลงคะแนนไม่ยุติธรรม

ผู้นำคีร์กีซสถานรายนี้ พูดว่า การที่ตนลาออกเป็นเพราะว่าไม่ได้อยากมองเห็นการปะทะรวมทั้งการเสียเลือดเนื้อระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและก็ผู้ชุมนุม

“สำหรับผม ความสงบในคีร์กีซสถาน ความสามัคคีกันของประเทศ ความกลมเกลียวของประชากร รวมทั้งความสงบสุขในสังคม เป็นสิ่งที่อยู่สูงสุด ไม่มีอะไรที่ดีสำหรับผมไปกว่าชีวิตของของเพื่อนร่วมชาติทุกคน” นายจีนเบคอฟ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ประธานาธิบดี

“ผมมิได้ยึดติดกับอำนาจ ผมไม่ต้องการถูกจารึกในประวัติศาสตร์คีร์กีซสถานว่าเป็นประธานาธิบดีผู้ที่ส่งผลให้เกิดการนองเลือดรวมทั้งยิงประชากรของตน ดังนั้นผมก็เลยขอลาออก”

คีร์กีซสถานเป็นประเทศในภูมิภาคทวีปเอเชียกึ่งกลาง ที่มีอณาเขตติดกับเมืองจีน

ส่วนการต่อต้านคราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 เดือนตุลาคม ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เมื่อพรรคฝ่ายค้านปฏิเสธผลลงคะแนนส.ส. (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) ที่แนวร่วมของนายจีนเบคอฟอ้างชัยชนะ

นอกจากนั้น ในคำชี้แจงของนายจีนเบคอฟ ยังเรียกร้องให้นายซาดีร์ จาปารอฟ นำกรุ๊ปผู้ให้การสนับสนุนออกไปจากกรุงบิชเคก เพื่อคืนความสงบเงียบให้กับเมืองหลวงแห่งนี้ด้วย

นางเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยาผู้นำสหรัฐ โพสต์ลงเว็บทำเนียบผู้นำสหรัฐวานนี้ (14 เดือนตุลาคม) ตรงเวลาเขตแดนว่า เด็กผู้ชายกางร์รอน ทรัมป์ ลูกชายวัย 14 ปี ติดโรคเชื้อไวรัสโคโรนาสายจำพวกใหม่ 2019

สตรีลำดับที่ 1 ของสหรัฐรายนี้เปิดเผยว่า ตอนต้นลูกชายของตัวเองเข้ารับการตรวจค้นเชื้อภายหลังจากตนและก็ผัว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้นำสหรัฐ ตรวจเจอเชื้อดังที่กล่าวผ่านมาแล้วภายในร่างกาย กลับไม่พบว่ามีเชื้อ แม้กระนั้นเมื่อทดลองซ้ำอีกทีในวันหลังกลับทำให้พบว่าติดเชื้อไวรัสดังที่กล่าวผ่านมาแล้วจริง

แม้กระนั้น นางเมลาเนีย เปิดเผยว่า เด็กผู้ชายกางร์รอน ไม่มีลักษณะของการป่วยอะไร

ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ (14 ตุลาคม) ว่า เด็กผู้ชายกางร์รอนแข็งแรงดี แล้วก็ติดเชื้อโรคเพียงแค่ไม่นานเนื่องจากว่าสุขภาพแข็งแรงมากมาย

“ผมไม่คิดว่าเขาทราบด้วยว่าติดโรค เพราะว่าเขาอายุน้อยรวมทั้งระบบภูมิต้านทานก็ยังหนักแน่นรวมทั้งสู้กับเชื้อโรคได้ 99.9% เลย” นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าว

นายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวขณะเยือนฐานทัพแห่งหนึ่งใกล้เมืองซัวเถา ทางทิศตะวันออกของเขตกวางตุ้ง ว่าให้นาวิกโยธินจัดเตรียมโต้กลับจากภัยรุกรามทุกรูปแบบ

“จะต้องมีสมาธิแล้วก็ใช้ความรุนแรงเตรียมความพร้อมทำศึก และระมังระวังตลอดระยะเวลา” นายสี กล่าว

ไม่ใช่แค่นั้น หัวหน้าจีนรายนี้ยังบอกว่า บรรดานาวิกโยธินยังมีบทบาทรับผิดชอบต่อการป้องกันดินแดนจีน อำนาจอธิปไตย รวมทั้งผลตอบแทนทางทะเลของจีนอีกทั้งในจีนรวมทั้งต่างชาติ

การเยี่ยมเยือนเขตกวางตุ้งครั้งนี้เกิดขึ้นในตอนที่เหตุการณ์ระหว่างจีนรวมทั้งไต้หวันทวีความเครียดขึ้น ทั้งแสดงความไม่พึงพอใจจากการที่สหรัฐหันมากระชับสมาคมกับไต้หวันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจีนบอกว่าจำเป็นจะต้องนำไต้หวันมาอยู่ภายใต้การปกครองของตนเองให้ได้ แล้วก็บางทีก็อาจจะจะต้องใช้ความรุนแรงหากว่าต้อง

นอกจากนั้น นายสียังมีระบุร่วมการเฉลิมฉลองการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นครบรอบ 40 ปี ในวันนี้ (14 เดือนตุลาคม) ด้วย

รัฐบาลอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานยืนยันกับรัสเซีย ในการปฏิบัติตามกติกา “หยุดยิง” ซึ่งลงชื่อด้วยกันเมื่อตอนสุดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ถึงแม้สถานการณ์จริง “คนละเรื่อง” ก็ตาม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ช่วงวันที่ 12 ตุลาคม ว่ากระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียแถลงการณ์ว่า นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย พูดคุยโทรศัพท์กับนายเจห์ยุน เบย์รามอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซอร์ไบจาน แล้วก็นายโซห์ราบ เอ็มนาตสคาเนียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาร์เมเนีย เกี่ยวกับเหตุการณ์ในเขตนากอร์โน-คาราบัค

ดังนี้ เจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงสุดของทั้งคู่ประเทศ ยืนยันกับรัฐบาลมอสโก ว่าปฏิบัติตามกติกาซึ่งลงชื่อด้วยกัน 3 ข้าง ช่วงวันที่ 10 เดือนตุลาคม ก่อนหน้านี้ “เพื่อหยุดยิงรวมทั้งไปสู่วิธีการด้านมนุษยธรรม” ตามทางของคณะกรรมการกาชาดระหว่างชาติ ( ไอซีอาร์ซี ) แล้วก็การสนทนาตามกรอบของหน่วยงานความยั่งยืนมั่นคงแล้วก็ความร่วมแรงร่วมมือในยุโรป ( โอเอสซีอี ) รวมทั้ง “กรุ๊ปไม่นสก์” ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2535 ตามความเห็นของโอเอสซีอี ประกอบด้วยสหรัฐ ประเทศฝรั่งเศส และก็รัสเซีย

อย่างไรก็ดี ไอซีอาร์ซีออกกล่าววว่า ยังไม่สามารถที่จะไปสู่เขตนากอร์โน-ติดอยู่ราบัคได้ เพราะเหตุการณ์ในพื้นที่ “ยังคงตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง” โดยอาร์เมเนียแล้วก็อาเซอร์ไบจานยัดเยียดข้อหากันและกันว่าฝ่าฝืนกติกา ด้วยการจู่โจมอีกทั้งด้านในเขตนากอร์โน-ติดอยู่ราบัค และก็ยังฝ่าฝืนอำนาจอธิปไตยด้วยการจู่โจมพื้นที่รอบนอกด้วย มีรายงานผู้ตาย “หลายสิบคน” แม้กระนั้นถ้านับรวมอย่างไม่เป็นทางการ นับจากการสู้รบปะทุตอนวันที่ 27 กันยายน ก่อนหน้านี้ ปริมาณคนตายเพิ่มเป็น “มากยิ่งกว่า 450 คน”

อนึ่ง การสู้รบระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจาน ที่เขตนากอร์โน-ติดอยู่ราบัคในคราวนี้ นับว่าร้ายแรงที่สุด นับจากการรบระหว่างปี 2534-2537 ซึ่งมีคนตายรวมกันมากยิ่งกว่า 30,000 คน หากแม้เลิกด้วยกติกาบิชเคก ที่รัสเซียร่วมลงชื่อในฐานะผู้แทนโอเอสซีอีและก็กรุ๊ปไม่นสก์ แต่ว่าอาร์เมเนียและก็อาเซอร์ไบจานยังคงยัดเยียดข้อหาคุ้นเคย ว่าฝ่าฝืนกติกามาตลอด

ในอีกด้านหนึ่ง ประเทศตุรกีซึ่งเกื้อหนุนอาเซอร์ไบจาน ตำหนิอาร์เมเนีย “ก่อคดีการรบแล้วก็อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” ในช่วงเวลาที่ลาฟรอคอยฟเตือนรัฐบาลอังการา ให้ประพฤติตามกติกาช่วงวันที่ 10 ตุลาคม ด้วย

เว็บไซต์ไชต์ Worldometers รายงานเหตุการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกวันที่ 11 เดือนตุลาคม 2563 ระยะเวลาราว 07.28 น. ตามเวลาในไทย เจอมีผู้เจ็บป่วยติดเชื้อโรคทั้งโลกรวม 37,448,779 ราย มากขึ้น 350,458 ราย เสียชีวิต 1,077,190 ราย มากขึ้น 4,974 ราย รักษาหาย 28,097,779 ราย

ประเทศที่พบรายงานผู้ติดโรคสูงสุด 5 ขั้นตอนแรก เช่น
1 ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดโรค 7,943,606 ราย มากขึ้น 48,977 ราย เสียชีวิต 219,254 ราย มากขึ้น 607 ราย รักษาหาย 5,085,449 ราย
2 ประเทศอินเดีย มีผู้ติดเชื้อโรค 7,051,543 ราย มากขึ้น 74,535 ราย เสียชีวิต 108,371 ราย มากขึ้น 921 ราย รักษาหาย 6,074,863 ราย
3 บราซิล มีผู้ติดโรค 5,091,840 ราย มากขึ้น 34,650 ราย เสียชีวิต 150,236 ราย มากขึ้น 544 ราย รักษาหาย 4,453,722 ราย
4 รัสเซีย มีผู้ติดเชื้อโรค 1,285,084 ราย มากขึ้น 12,846 ราย เสียชีวิต 22,454 ราย มากขึ้น 197 ราย รักษาหาย 1,016,202 ราย
5 โคลัมเบีย มีผู้ติดเชื้อโรค 902,747 ราย มากขึ้น 8,447 ราย เสียชีวิต 27,660 ราย มากขึ้น 165 ราย รักษาหาย 783,131 ราย

ในขณะที่ เมียนมา ขยับขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 80 มีผู้ติดโรครวม 26,064 ราย มากขึ้น 2,158 ราย เสียชีวิตรวม 598 ราย มากขึ้น 32 ราย รักษาหาย 7,050 ราย
ส่วนเมืองไทยอยู่ในชั้นที่ 140 มีผู้ติดโรค 3,634 ราย มากขึ้น 6 ราย เสียชีวิตคงเดิม 59 ราย รักษาหาย 3,445 ราย