Design a site like this with WordPress.com
เริ่มได้

Jump up Burpee เป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมไม่แพ้วิธีอื่นๆ

ท่านี้ไม่ได้ทำยากเลยจ๊ะ เริ่มจากยืนตัวตรงแยกขาน้อย หลังจากนั้นย่อตัวคุกเข่าลงเกือบจะติดพื้น ใช้มือทั้งสองข้างจนถึงไว้ ออกแรงเลื่อนขาทั้งสองข้างไปข้างหลัง โดยที่มือทั้งสองข้างยังดันพื้นอยู่แบบท่าวิดพื้น ออกแรงดันขากลับมาด้านหน้าแล้วลุกยืนขึ้น และก็กระโดดยกแขน นับเป็น 1 ครั้ง ทำ 3 เซต เซตละ 15 ครั้ง ท่านี้จะต้องทดลองความฟิตของร่างกาย ความพิเศษของท่านี้ เป็นสามารถใช้ลดไขมัน , คาร์ดิโอและก็เพิ่มความแข็งแรงของร่างกายได้ในคราวเดียว กล่าวได้ว่าเป็นท่าที่เผาผลาญเจริญอันดับหนึ่งเลยยยย

ท่านี้ช่วยในเรื่อง : กระชับบริเวณหน้าท้อง แขน รวมทั้งหัวไหล่

5 ท่าโยคะเบื้องต้น สำหรับมือใหม่ ทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน!!

พออายุเริ่มเพิ่มมากขึ้น การบริหารร่างกายก็เริ่มจะสร้างความยากลำบากให้กับคนที่รักสุขภาพไปไม่น้อย บางทีร่างกายของพวกเราก็บางทีก็อาจจะไม่สนองตอบต่อการบริหารร่างกายที่จำเป็นต้องใช้พลังสูงๆเสมือนตอนผู้หญิงแม้กระนั้นโน่นก็มิได้แสดงว่าพวกเราจะบริหารร่างกายมิได้เลย ยังมีการบริหารร่างกายในอีกหนึ่งแบบที่ มีความคิดเห็นว่ากำลังเป็นที่นิยมก็เลยเอามาฝากกัน เรียกว่า โยคะ

ทีแรกๆๆก็ไม่มีผู้ใดเชื่อหรอกว่าการขยับตัวไปอย่างช้าๆในแบบของ ท่าโยคะ (Yoga) จะเปลี่ยนมาเป็นอีกหนึ่งศาสตร์สำหรับเพื่อการรักษาสุขภาพ ซึ่งโยคะเองนั้นเป็นกรรมวิธีการช่วยสร้างเสริมสมาธิยอดนิยมมาอย่างนาน เป็นอีกหนึ่งโอกาสสำหรับเพื่อการบริหารร่างกายที่ไม่ว่าคนรุ่นไหนก็ทำเป็น ได้รับสมรรถนะที่ดี กระทั่งท่าโยคะนั้นโดนจับเข้าไปอยู่ในหมวดของการบริหารร่างกายตามฟิตเนสต่างๆเยอะมาก ถือได้ว่า โยคะ เป็นศาสตร์ที่ใช้การเชื่อมผสานกันระหว่างร่างกายและจิตใจ ชอบเป็นการบริหารร่างกายที่เน้นย้ำการจับลมหายใจแล้วก็เคลื่อนร่างกายด้วยอิริยาบถต่างๆเมื่อร่างกายขยับ จิตใจจะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจเป็นหลัก

เอาละ สำหรับผู้ใดกันที่เริ่มต้องการจะเล่นโยคะแล้ว แต่ว่าก็ไม่รู้จักว่าน่าจะเริ่มจากที่ไหนก่อนดี วันนี้พวกเราก็นำเอา 10 ท่าโยคะรากฐานมาฝากกัน จะเล่นที่ฟิตเนส หรือเล่นที่บ้านก็สบายทั้งหมด พร้อมแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงชุด จัดแจงเครื่องไม้เครื่องมือ แล้วเริ่มไปพร้อมเลย

  1. ท่าต้นไม้ (Tree Pose)
    ยืนให้แขนชิดกัน ทิ้งน้ำหนักไปที่ขาซ้าย ต่อจากนั้นวางเท้าขวาไว้ที่ต้นขาข้างใน หันบั้นท้ายออกไปข้างหน้า เมื่อร่างกายกำเนิดความสมดุลแล้วให้เกาะติดฝ่ามือเข้าด้วยกัน สูดอากาศเข้า แล้วยืดแขนขึ้นเหนือไหล่ แล้วต่อจากนั้นแยกฝ่ามือออกและก็เบือนหน้าเข้าท่าละข้าง ค้างไว้โดยประมาณ 30 นาที ก็เลยลดมือลงแล้วทำใหม่อีกหนึ่งข้าง
  2. ท่าเทือกเขา (Mountain Pose)
    ยืนตรงให้เท้าชิดกัน ปลดปล่อยไหล่ออกตามอัธยาศัย อุตสาหะยืนให้น้ำหนักลงไปที่เท้าเท่ากันทั้งสองข้าง เข้าใกล้ สูดลมหายใจเข้าให้ลึก ยกแขนขึ้นเหนือหัว แขนยืดตรง ฝ่ามือเกาะติดกัน ยืดนิ้วขึ้นไปให้สุด
  3. ท่าตรีโกณ (Triangle Pose)
    ให้ยืดแขนออกไปทั้งสองข้างขนานกับพื้น ยืนแยกขาให้มีระยะห่างราวๆไหล่ทั้งสองข้าง เท้าขวาหันออกไปข้างๆ 90 องศา เท้าซ้ายหันออก 45 องศา ถัดมาให้ยืดแขนด้านขวาลงไปสัมผัสที่พื้น อาจะแตะต้องบนเท้าขวา หรือบนเข่าขวาก็ได้ ปลายนิ้วอีกข้างให้ยืดขึ้นไปรวมทั้งหันดูที่เพดาน ทำแบบงี้ค้างไว้ 5 ลมหายใจเข้าออก เสร็จแล้วจึงยืดตรงแล้วทำใหม่อีกข้าง
  4. ท่านั่งบิดตัว (Seated Pose)
    ยืดไหล่ะ บั้นท้าย และก็แผ่นข้างหลังขึ้นตรง นั่งบนพื้น หลังจากนั้นขัดเท้าขวาออกไปภายนอกต้นขาซ้าย งอเข่าซ้าย แล้วก็ชี้หัวเข่าขวาขึ้นไปที่เพดาน ให้วางกล้ามศอกซ้ายไว้ข้างนอกของหัวเข่าขวาและก็แขนด้านขวาบนพื้นข้างหลังใกล้กับตัว มานะบิดไปทางขวามือให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำเป็น เกร็งตูดให้ใกล้กับพื้น ทำแบบนี้ค้างไว้ 1 นาที เสร็จแล้วให้แปรไปทำอีกข้าง ท่าโยคะท่านี้จะช่วยในเรื่องเกี่ยวกับการไหลเวียน ช่วยทำให้กล้ามแล้วก็พุงแข็งแรง
  5. ท่างู (Cobra)
    เริ่มด้วยการนอนให้บริเวณใบหน้าราบลงไปกับพื้น บางฝ่ามือลงไปให้มีระยะห่างพอๆกับไหล่ทั้งสองข้าง แล้วเชิดหน้ารวมทั้งชูอกขึ้น ดันขาทั้งสองข้างขึ้นด้วยหน้าเท้า กดบั้นท้ายลงแล้วก็ดันหัวไหล่ลง แล้วหลังจากนั้นปลดปล่อยและก็ทำอีกครั้งอีกรอบ

เตรียมให้พร้อมก่อนเล่นโยคะ
การบริหารร่างกายด้วย ท่าโยคะ ก็ถือว่าเป็นการยืดเส้นยืดสาย หรือบริหารส่วนต่างๆของร่างกายที่จะต้องอาศัยลมหายใจแล้วก็สมาธิเข้ามามีส่วนประกอบเพื่อกำเนิดความสมดุลเยอะที่สุด ถ้าหากมองดูให้ก็ดีแทบไม่ต่างอะไรจากการบริหารร่างกายที่พวกเราทำกันอยู่ตามธรรมดา ถ้าเกิดพวกเราไม่เตรียมความพร้อมให้พร้อมก่อนจะเริ่มเล่นก็อาจก่อให้มีการเจ็บได้ แม้กระทั่งเล็กแม้กระนั้นก็ไม่สมควรละเลย ลองมองพร้อมดีมากยิ่งกว่า ถ้าเกิดต้องการจะบริหารร่างกายด้วย ท่าโยคะ ต้องจัดแจงอย่างไรบ้าง

ก่อนที่จะเริ่มเล่นโยคะ ควรจะคำนวณให้ดีก่อนว่าพวกเราทานอาหารผ่านมาตรงเวลา 1 – 2 ชั่วโมงแล้วรึยัง แต่ว่าด้วยปริมาณเวลาเท่านี้ก็ไม่เสมอ โน่นขึ้นกับว่าของกินที่ทานเป็นอาหารหนัก หรือของกินค่อย ถ้าว่าไม่เป็นตามนี้ ของกินก็เปรียบเหมือนยาพิษที่อาจจะส่งผลให้กำเนิดโทษในภายหลังที่เริ่มเล่นได้
ตอนเช้า เป็นช่วงๆตอนที่เหมาะกับการบริหารร่างกายด้วย ท่าโยคะ เยอะที่สุด หรือถ้าเกิดเวลาเช้าไม่ค่อยสบาย ก็บางทีอาจเป็นตอนบ่าย ค่อนไปจนกระทั่งตอนเวลาเย็นเลยก็ได้
สถานที่ที่เหมาะกับการเล่นโยคะจะต้องมีลมโกรก ไม่ร้อนอบอ้าวจนถึงเหลือเกิน
การบริหารร่างกายด้วย ท่าโยคะ เป็นอะไรที่จะต้องมีการยืดเส้นยืดสายส่วนต่างๆอยู่มากมาย ด้วยเหตุนี้อาภรณ์ขณะเล่นก็มีความจำเป็น เน้นย้ำให้มีการขยับเขยื้อนร่างกายส่วนต่างๆได้อย่างสะดวก
พื้นที่เวลาที่เล่น แม้ว่าพื้นมิได้ปูพรม ก็ควรจะมีที่ดกพอเหมาะพอควรปูรองแทน บางทีอาจใช้เป็นผ้าที่เอาไว้ห่ม ปูรองรับร่างกายในเวลาที่เล่นทุกคราวเพื่อคุ้มครองป้องกันอาการบาดเจ็บ ลักษณะของการปวดข้างหลัง เข่า หรือในบางคนที่มีความสำคัญจำต้องใช้ผ้าปูรอง
การเล่นโยคะเป็นอะไรที่จำเป็นต้องใช้การหายใจรวมทั้งสมาธิเข้ามาเป็นตัวกำหนดขณะเล่น ดังนั้นเสนอแนะให้ปฏิบัติท่าต่างๆด้วยความแช่มช้า นุ่มนวล
ขณะทำท่าโยคะต่างๆเสร็จแล้ว ชี้แนะให้นอนพักสักระยะ ก่อนจะเริ่มปฏิบัติในท่าถัดไป
ในตอนที่เล่น ต้องหายจิตใจอย่างเป็นธรรมชาติสูงที่สุด ไม่เกร็งกล้ามตรงรอบๆคอ ไม่ทำจมูกบี้ รวมทั้งจะต้องไม่มีเสียงดังอีกด้วย
สำหรับผู้หญิงคนใดกันแน่ที่มีวัยตั้งแต่เลข 4 ขึ้นไป ขอย้ำเป็นอย่างยิ่งว่าไม่สมควรหักโหม ควรปฏิบัติด้วยความสุขุม ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
จะมองเห็นได้ว่า การบริหารร่างกายด้วยท่าโยคะ เมื่อพวกเราขยับเขยื้อนร่างกายอย่างช้าๆกล้ามจะหดเกร็งเหมือนกันกับการบริหารร่างกายตามธรรมดา ช่วยเสริมให้กล้ามมีความแข็งแรง กระตุ้นการผลิตเซลล์กล้ามใหม่ๆเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับคุณผู้หญิงที่อยากออกแรงแต่ว่ามีข้อกำหนดทางด้านร่างกาย โดยมาก ผู้สูงวัยที่ไม่สามารถที่จะออกแรงหนักๆได้ หรือผู้ที่มีปัญหากระดูก หรือข้อต่อ รวมถึงผู้ที่มีโรคเรื้อรังต่างก็หันมาใช้การบริหารร่างกายด้วยท่าโยคะเป็นลู่ทางที่เห็นผลเป็นอย่างดีไม่แพ้ไปกว่าการบริหารร่างกายต้นแบบอื่นๆกระซิบบอกไว้หน่อยว่า เด็กๆผู้หญิงหรือกลางคนก็หันมาบริหารร่างกายด้วยท่าโยคะกันได้นะ

10 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนจะเริ่มออกกำลังกาย อย่างจริงจัง … ในทุกสามพันถึงสี่พันแคลอรี แต่การที่เราจะลดน้ำหนักหนึ่งกิโลกรัมนั้น เราต้องออกกำลังกายถึง 7,000 แคลอรีเลยที่เดียว

ข้อ 1 การเริ่มต้นสำคัญที่สุด
หลายๆคนอุตสาหะตั้งอกตั้งใจบริหารร่างกายมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ว่าไม่ประสบผลสำเร็จเพราะว่าไม่รู้จักจะเริ่มยังไง ถ้าหากคนไหนกำลังมีปัญหาดังที่กล่าวมาแล้ว บางทีอาจทดลองเริ่มจากกล้วยๆอาทิเช่น การขี่จักรยาน วิ่ง

หลังจากนั้นค่อยปรับปรุงไปเป็นแบบอย่างอื่นถัดไป โดยบางทีอาจขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีความชำนาญ เพื่อการบริหารร่างกายเป็นไปอย่างเหมาะควรที่สุด

ข้อ 2 สิ่งที่สำคัญคือ พลังงานเข้าน้อยกว่าออก
สำหรับคนที่อยากลดหุ่น จะต้องจดจำไว้เสมอว่า ไม่ว่าพวกเราจะบริหารร่างกายมากมายแค่ไหน ถ้าพวกเราไม่ควบคุมด้านการกินอาหารแต่ว่ายังคงกินอาหารเหมือนเดิม น้ำหนักของพวกเราก็ไม่มีวันต่ำลงได้

โดยทุก 3,000-4,000 แคลอรีที่พวกเราบริโภค จะมีผลให้น้ำหนักพวกเราขึ้นได้มากถึง 1 กิโล แม้กระนั้นการที่พวกเราจะลดหุ่น 1 โลนั้น พวกเราจำเป็นต้องบริหารร่างกายสูงถึง 7,000 แคลอรีอย่างยิ่งจริงๆ

ข้อ 3 ไม่มีทางเผาผลาญไขมันได้หากไม่ออกกำลังกาย
คนไม่ใช่น้อยพากเพียรหาวิธีลดไขมันโดยบริหารร่างกายน้อย ซึ่งโดยธรรมชาติแนวทางแบบนี้จะเป็นผลได้ช้ามากมายและก็จะต้องควบคุมจำนวนพลังงานจากของกินที่รับประทานเข้าไปอย่างเข้มงวด

สำหรับความศรัทธาที่ว่า จะต้องบริหารร่างกายตลอด 30 นาที ร่างกายก็เลยจะนำพลังงานจากไขมันออกมา ไม่จำเป็นที่ต้องออกตลอดช้านานถึง 30 นาที ก็สามารถสลายไขมันได้

ถ้าหากคุณบริหารร่างกายเบาๆตัวอย่างเช่น เดิน หรือแกว่งไกวแขน ก็จะต้องใช้เวลานานกว่าร่างกายจะดึงไขมันออกมาใช้ ไม่เหมือนกับการวิ่ง หรือยน้ำที่ร่างกายจะดึงไขมันออกมาใช้ได้เร็วกว่า

ข้อ 4 ระดับของการออกกำลังกายแต่ละคนไม่เท่ากัน
การบริหารร่างกายมีหลายระดับ แบ่งได้ ระดับค่อนข้างสูง ระดับกึ่งกลาง รวมทั้งระดับค่อนข้างต่ำ

ระดับค่อนข้างต่ำเป็น รู้สึกเฉยๆคุยโต้ตอบได้ตามเดิม
ระดับกึ่งกลาง คือ เหน็ดเหนื่อยแต่ว่ายังสามารถคุยได้ธรรมดา
ชั้นสูงหมายถึงไม่สามารถพูดได้ แล้วก็ต้องหายดวงใจทางปาก
ดังนี้ระดับที่พอดีต่อการเผาไหม้ไขมันเป็น ระดับกึ่งกลาง แม้กระนั้นระดับของแต่ละคนก็แตกต่างกันอีกด้วยเหมือนกัน เป็นต้นว่า การบริหารร่างกายโดยการวิ่ง 1 กิโลข้างใน 6 นาที สำหรับนักกีฬาบางทีอาจจะอยู่ที่ระดับกึ่งกลาง แต่ว่าสำหรับคนธรรมดาบางทีอาจจะเป็นระดับค่อนข้างสูงอย่างยิ่งจริงๆ

ด้วยเหตุนี้พวกเราควรจะปรับระดับการบริหารร่างกายให้เหมาะสมกับตัวเอง ไม่อาจจะอ้างอิงจากคนอื่นได้

ข้อ 5 Cardio เข้าใจให้ถูกต้อง
การ Cardio ย่อมากจาก cardiovascular exercise คือ การบริหารร่างกายที่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งพบว่า สามารถสลายไขมันได้ดิบได้ดีที่สุด โดยให้หัวใจได้ปฏิบัติงาน

ดังนั้นไม่ว่าจะบริหารร่างกายหนัก หรือค่อย ถ้าเกิดหัวใจพวกเราได้ทำงานมากกว่าธรรมดาก็ถือได้ว่าเป็นการ Cardio

แม้มีเครื่องใช้ไม้สอยสำหรับวัดการเต้นหัวใจ อัตราที่สมควรเป็น ปริมาณร้อยละ 50-70 ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (โดยอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจ คำนวณได้จาก 220 – อายุ) จะเป็นการบริหารร่างกายที่เหมาะสมกับการเผาไขมันสูงที่สุด

ข้อ 6 ระยะเวลาไม่ส่งผล
เป็นความรู้ผิดสำนักงานบริหารร่างกาย 30 นาทีตลอด จะเยี่ยมที่สุด แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว การบริหารร่างกาย 10 นาที 3 รอบ ก็มีผลเช่นเดียวกัน ขอให้ช่วงเวลารวมทั้ง 150 นาทีต่ออาทิตย์ ถ้าหากมีการเผาผลาญแคลอรีที่เสมอกัน

แม้กระนั้นข้อแตกต่างเป็น พลังงานสำรองที่ใช้สำหรับการบริหารร่างกาย โดยตอนแรกของการบริหารร่างกายร่างกายจะใช้พลังงานสำรองอย่างครีเอทีนฟอสเฟต ต่อจากนั้นก็เลยจะเริ่มดึงพลังงานสำรองอย่างไกลวัวเจนและก็ไขมันสามาสลายเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ

ข้อ 7 การออกกำลังกายที่แนะนำ
การบริหารร่างกายที่ชี้แนะว่า เป็นผลดีที่สุดต่อสภาพร่างกายเป็น การบริหารร่างกายระดับปานกลาง (อัตราการเต้นหัวใจอยู่ที่ 50-70% ของ อัตราการเต้นหัวใจสูงสุด) นาน 30 นาทีต่อวัน อาทิตย์ละ 3-5 วัน หรือ รวมให้ได้ 150 นาทีต่ออาทิตย์

ข้อ 8 การออกกำลังกายให้อะไรมากกว่าที่เราคิด
การบริหารร่างกายนอกเหนือจากที่จะช่วยในประเด็นการลดหุ่นแล้ว ยังเป็นเหตุให้ร่างกายมีความคงทนต่อความเหนื่อยอ่อนล้า การบาดเจ็บต่าง สร้างเสริมความแข็งแรงของร่างกาย แล้วก็ยังช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดโรคต่างๆได้

อย่างเช่น หัวใจและก็เส้นเลือด โรคความดันเลือดสูง สภาวะไขมันในเลือดสูง รวมทั้งโรคที่เกี่ยวกับทางเท้าหายใจได้อีกด้วย

ข้อ 9 ถ้าหากคุณเป็นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์
แต่ละคนมีความจำกัดด้านวัย สุขภาพแล้วก็ร่างกายไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ก็เลยไม่สามารถที่จะบริหารร่างกายแบบเดียวกันได้ทั้งปวง ไม่อาจจะบริหารร่างกายด้วยความถี่ หรือช่วงเวลาสำหรับในการบริหารร่างกายเดียวกัน

โดยเฉพาะผู้เจ็บป่วยโรคหัวใจ โรคความดันเลือดสูง โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อ หรือเคยเผชิญเกิดรุนแรงซึ่งส่งผลต่อองค์ประกอบต่างๆในรางกาย ควรจะขอคำแนะนำจากหมอทุกหนก่อนจะบริหารร่างกาย ไม่เช่นนั้นบางทีอาจจะส่งผลกระทบมากยิ่งกว่าผลในด้านดี

ข้อ 10 ออกกำลังกายเพื่อเปลี่ยนชีวิต ไม่ใช่แค่ลดน้ำหนัก
อย่าเลิกบริหารร่างกาย แม้คุณจะได้น้ำหนักที่ปรารถนาแล้วหลังจากนั้นก็ตาม เพราะว่าวิถีชีวิตที่สมควรในทุกๆด้านเป็น สิ่งที่จะทำให้รูปร่างที่ดีอยู่กับคุณตลอดกาล

แม้ว่าการบริหารร่างกายจะมีคุณประโยชน์มาก แต่ว่าอย่างแรกที่ควรจะนึกถึงก่อนที่จะมีการออกกำลังกายเป็น จุดประสงค์สำหรับในการบริหารร่างกาย ตัวอย่างเช่น เพื่อเกื้อหนุนสุขภาพ เพื่อลดหุ่น เพื่อฟื้นฟูร่างกาย อื่นๆอีกมากมาย

แล้วก็เลยก่อให้เกิดการกำหนดกรรมวิธีบริหารร่างกายที่ถูกเหมาะสมกับแต่ละบุคคลถัดไป ถ้าเกิดทำเป็นแบบงี้ย่อมได้โอกาสบรรลุผลที่ตั้งไว้ไม่เร็วก็ช้า

7 เทคนิคสู่การออกกำลังกายอย่างถูกวิธี มาแนะนำค่ะรับรองว่าเป็นประโยชน์ต่อสาวๆ รักสุขภาพเป็นอย่างมากเลยล่ะ งั้นเรามาดูพร้อมๆ

1 การออกกำลังกายให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเป็น คุณไม่สมควรบริหารร่างกายน้อยกว่า 30 นาที/ครั้ง และไม่ควรจะน้อยกว่า 3 ครั้งต่ออาทิตย์จ้ะ ทางที่ดีควรหมั่นบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอเข้าไว้นะคะ ร่างกายจะได้ปรับสมดุลอย่างสมบูรณ์แข็งแรง


2 ถ้าหากเมื่อยล้าจากการออกกำลังกายก็หยุดนะคะ อย่าบริหารร่างกายแบบหักโหม อย่าฝืนสังขารตนเองและกำลังของตนเองเด็ดขาด เนื่องจากว่าจะก่อให้กล้ามฉีกให้ขาดได้ง่ายและก็เป็นอันตรายต่อสภาพทางด้านร่างกายได้
3 ก่อนออกกำลังกายทุกหนควรจะอบอุ่นร่างกายก่อนนิดหนึ่งนะคะเพื่อเป็นการปรับอุณหภูมิให้ร่างกายพร้อมและก็ตระเตรียมกล้ามเพื่อยืดแล้วก็คลายตัวอย่างยืดหยุ่น ส่วนในช่วงเวลาที่บริหารร่างกายเสร็จก็ควรจะวอร์มอัพด้วยด้วยเหมือนกัน เพื่อช่วยลดการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวในพรุ่งนี้อย่างไรล่ะขา


4 ขณะที่บริหารร่างกายในทีแรกๆๆคุณอาจจะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อยล้าได้อย่างชัดเจน แม้กระนั้นถ้าเกิดคุณบริหารร่างกายเสมอๆลักษณะของการปวดปวดเมื่อยพวกนั้นก็จะลดน้อยลงจ้ะ
5 คุณควรจะเปลี่ยนรูปแบบสำหรับในการบริหารร่างกายบ้างนะคะ เพื่อความสนุกสนานร่าเริง เพิ่มความมากมาย และไม่น่าระอา เนื่องจากแต่ละกีฬาก็มีจุดเด่นต่างกันออกไป อย่างไรก็เปลี่ยนเวียนกันไปบ้างก็ดีจ้ะ
6 คุณควรจะกินน้ำก่อนการออกกำลังกายโดยประมาณ 3 ชั่วโมง โดยประมาณ 2-3 แก้ว แล้วก็ในระหว่างเล่นก็ควรจะดื่ม 1-2 แก้ว เพื่อเป็นการทดแทนการสูญเสียน้ำระหว่างที่บริหารร่างกายแล้วก็คุ้มครองปกป้องไม่ให้ร่างกายกำเนิดอาการเกร็งเป็นตะคิว,อ้วกหรือปวดศีรษะ เนื่องมาจากภาวการณ์ขาดน้ำนั่นเอง
7 ไม่สมควรดื่มกาแฟก่อนบริหารร่างกาย ด้วยเหตุว่าสารคาเฟอีน จะไปกระตุ้นลักษณะการทำงานของหัวใจทำให้มีความรู้สึกหอบระหว่างที่บริหารร่างกายได้จ้ะ